xs
xsm
sm
md
lg

ถอดยศ “มาร์ค” ไยไม่ถอดยศ “แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม
ตรงเป้า

ศรรามา

ในที่สุดความพยายามของพรรคเพื่อไทย ตั้งเป้าเล่นงาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีเข้ารับราชการทหาร ก็เป็นผลสำเร็จ หลังจากให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เมื่อครั้งเป็น ส.ส. เปิดประเด็นในสภาผู้แทนราษฎร จนต้องฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล

นายจตุพร ใช้คำว่า “หนีทหาร” สื่อความหมายให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าใจง่ายๆ

นายอภิสิทธิ์ ไปไหนมาไหนจึงเจอป้ายหนีทหารของคนเสื้อแดงชูหรา แต่ก็ทำให้เกิดข้อกังขาว่า ถ้าหนีทหารแล้วทำไมถึงได้เป็นอาจารย์ ร.ร.นายร้อย จปร.พรรคเพื่อไทย จึงเปลี่ยนเจ้าภาพจาก นายจตุพร มาเป็น พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ซึ่งดูเข้าท่าเข้าทางกว่า เพราะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วน นายจตุพร นั้น อย่างเก่งก็แค่ “ตะพุ่นหญ้าช้าง”

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2555 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภา ให้ถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ข้อหาทุจริตกระทำผิดกฎหมาย

วันเดียวกัน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เซ็นคำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 1163/2555 ปลด ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาราชการอาจารย์ ส่วนการศึกษา ร.ร.จปร.ออกจากราชการ เป็นนายทหารกองหนุน รับเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญ สังกัดจังหวัดทหารบกกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2531

ข้อหาใช้เอกสารเท็จ ไปขึ้นทะเบียนกองประจำการ ณ จังหวัดนครนายก ทำให้เจ้าหน้าที่สัสดีผิดหลง (คำสั่งเขียนอย่างนี้ น่าจะหลงผิดมากกว่า ต้องไปถามคนเซ็นคำสั่งว่าผิดหลงมันแปลว่าอะไร) ออกใบสำคัญ ส.ด.3 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2531 ขึ้นทะเบียนกองประจำการ

มันเป็นปฏิบัติการ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ของการเมืองไทย

เปิดเฟซบุ๊กของ นายพานทองเทียม พบข้อความ.....อาโอ๋ อาแน่มาก สามารถออกคำสั่งปลดมาร์ค ย้อนหลังถึง 24 ปี พ่อเลยบอกว่า ให้อาโอ๋เป็นเจ้าพ่อกลาโหมตลอดชีวิต

คำสั่งแค่ปลดออกจากราชการ แต่สื่อทุกแขนงเสนอข่าวถอดยศ ไม่รู้ไปติดเชื้อจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เมื่อไหร่ เพราะการแต่งตั้งยศ หรือถอดยศสัญญาบัตร เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมา ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมเคยกล่าวอย่างเหิมเกริม ว่า นอกจากไม่ถอดยศ “ทักษิณ ชินวัตร” แล้ว ยังจะเพิ่มยศเป็นพลตำรวจเอกด้วย

ส่วนการถอดยศ ร.ต.อภิสิทธิ์ ทางกลาโหมก็ดำเนินการทันที ส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งเข้ารับราชการ จากนั้นกรมเสมียนตรา กระทรวงกลาโหม สานต่อเรื่องการถอดยศ

กล่าวถึงทักษิณที่ยังมียศเป็นพันตำรวจโท ขณะเดียวกัน ก็มีสถานะเป็นนักโทษหนีคุก กลับไม่มีใครกล้าถอดยศ ไม่มีใครกล้าตอแยเรื่องนี้ ทั้งๆ ทักษิณ ถูกคำพิพากษาจำคุก 2 ปี และคดีถึงที่สุดแล้ว

เรื่องถอดยศตำรวจ มีระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2547 ลงนามโดย พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้กระทำได้เมื่อมีเหตุผลอย่างหนึ่งอย่างใดในจำนวน 7 ข้อ

1.ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ว่า ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ 2.ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ให้ลงโทษจำคุกหรือโทษที่หนักกว่าจำคุก เว้นคดีความผิดลหุโทษ หรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท 3.ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ให้เป็นบุคคลล้มละลาย

4.กระทำผืดวินัยอย่างร้ายแรง และมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ 5.ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง สำหรับผู้ที่มิได้อยู่ในราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ 6.ต้องหาในคดีอาญาแล้วหลบหนี 7.ถูกสั่งให้ออกจากราชการ เพราะขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ

การถอดยศทักษิณเป็นเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการ ผบ.ตร.

โดยหลักปฏิบัติ เริ่มจากกองวินัยตรวจสอบเรื่อง ส่งไปยังกองทะเบียนพล จากนั้นสำนักงานกำลังพลเสนอเรื่องต่อ ผบ.ตร.แล้วรัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯ

ช่วงเวลานั้น พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผบก.กองวินัย ส่งเรื่องถอดยศทักษิณไปให้ พล.ต.ต.โชติกร สีมันตร ผบก.กองทะเบียนพล พล.ต.ต.โชติกร บอกเรื่องนี้ต้องรอบคอบ แล้วส่งต่อไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัย ต่อมากฤษฎีกามีหนังสือถึงสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยืนยันสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถถอดยศทักษิณได้ และทำเรื่องขอพระราชทานเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้อีกด้วย แต่ พล.ต.ต.โชติกร ก็พับเรื่องเก็บไว้ บอกว่าขณะนั้นมีม็อบสีแดงกำลังชุมนุม จึงไม่เหมาะจะพิจารณา

ทางด้าน พล.ต.ท.ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผบช.สกพ.ก็ไม่ดำเนินการต่อ อ้างมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย คัดค้านการถอดยศ เพราะไม่เคยมีการถอดยศนายตำรวจนอกราชการ สอดคล้องกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ออกมาคำรามคุยคำโต เป็นตำรวจมาสิบกว่าปีไม่เคยมีการถอดยศตำรวจนอกราชการ พล.ต.ท.ณัฐพิชย์ เลยยกการ์ดสูง เอาแต่เต้นฟุตเวิร์กจนกระทั่ง พล.ต.ท.ยงยศ นาคเฉลิม มารับตำแหน่ง ผบช.สำนักงานกำลังพล

ร.ต.อ.เฉลิม อ่านประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีซะ จะได้หูตาสว่างเหมือนคนอื่นบ้าง เป็นประกาศวันที่ 30 กรกฎาคม 2553 เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตำรวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รวม 8 ราย

ลำดับที่ 1 พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิต เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2552 และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมดด้วย

พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ เป็นนายตำรวจนอกราชการหรือเปล่า ร.ต.อ.เฉลิม ที่ปล่อยไก่ในสภา คุยโม้โอ้อวดว่าสอบวิชากฎหมายอิสลามได้เกรด เอ ช่วยตอบผู้คนในสังคมหน่อยเถอะ

พล.ต.ท.ยงยศ เป็น ผบช.สำนักงานกำลังพล ก็หัวหดเช่นกัน ให้ชะลอการถอดยศทักษิณ อ้างเหตุผลน่าสังเวช เกรงว่า ถ้าถอดยศนักโทษหนีคุกแล้ว เสื้อแดงจะออกมาอาละวาดฟาดหาง สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ก็ดูเอาเถิดบ้านเมืองเราเป็นอย่างนี้ เสื้อแดงยิ่งใหญ่กว่าตำรวจ

พล.ต.ท.ยงยศ ได้รับการสมนาคุณที่ช่วยดึงเรื่องถอดยศทักษิณไว้ ได้ไปเป็นหัวหน้าจเรตำรวจ สบ8 ป่านนี้คงสมน้ำหน้าตัวเองทุกเช้าเย็น

เมื่อวางระเบิดเวลาไว้ให้ชะลอถอดยศ ชาตินี้จะมี ผบ.ตร.หน้าไหนกล้าถอดยศทักษิณ
(แฟ้มภาพ)ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
กำลังโหลดความคิดเห็น