ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนโยบายสาธารณะ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “ภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะผู้นำประเทศ และก้าวต่อไปของประเทศในสายตาของประชาชน” พบว่า ภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของนางสาวยิ่งลักษณ์ เพิ่มสูงขึ้นทุกตัวชี้วัด โดยร้อยละ 63.7 ระบุความเป็นตัวของตัวเอง ร้อยละ 60.9 ระบุเป็นคนรุ่นใหม่ ร้อยละ 58.9 ได้รับการยอมรับภายในประเทศและต่างประเทศ
ร้อยละ 57.1 ระบุมีความคิดสร้างสรรค์ ร้อยละ 55.1 ระบุมีความเสียสละ ร้อยละ 54.0 มีความโอบอ้อมอารี ร้อยละ 53.7 ระบุมีวิสัยทัศน์ ร้อยละ 53.5 ระบุประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ร้อยละ 52.5 ระบุกล้าคิด กล้าตัดสินใจ ร้อยละ 51.9 ระบุมีความสุภาพอ่อนโยน ร้อยละ 51.3 ระบุมีความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 49.8 ระบุมีความฉับไวรวดเร็ว ร้อยละ 49.6 มีความยุติธรรม ร้อยละ 49.2 แก้ปัญหาความขัดแย้งได้ดี ร้อยละ 47.8 มีความอดทน อดกลั้น และร้อยละ 44.6 มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นตามลำดับ
อ่านผลสำรวจเอแบคโพลล์แล้ว ผมก็ต้องสำรวจตัวเอง และยอมรับว่า เป็นฝ่ายข้างน้อยของผลสำรวจ เป็นฝ่ายข้างน้อยของผลการเลือกตั้ง และก็ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว
ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดเมื่อนักข่าวไปถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีถึงหมายจับ ทักษิณ ชินวัตร ที่ศาลออกหมายครั้งล่าสุดกรณีที่ให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ คนใกล้ชิดลูกเต้าของทักษิณได้ไปรวมแล้วนับร้อยล้านบาท ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่า ทักษิณไม่สนใจหมายจับนั่น เพราะมันมาจากการรัฐประหาร และว่าจะไม่มีการถอดยศทักษิณ มีแต่ที่จะเพิ่มยศให้เป็นพลตำรวจเอก
บางคนฟังแล้วเป็นน้ำเสียงที่เหยียบย่ำหัวใจคนไทย ดูหมิ่นดูแคลนศาลที่ได้พิพากษาจำคุกทักษิณไปแล้ว นั่นก็อยู่ที่มุมมอง
ดูจากโพลของเอแบคนี้แล้ว ยศพลตำรวจเอกไม่น่าจะเพียงพอ พิจารณาจากพฤติกรรมที่ผ่านมาใน 3-4 ปีนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงสมควรที่จะอวยยศ ทักษิณ ชินวัตร ให้เป็นจอมพลตำรวจเสียเลยก็ยังได้ ระดับพลเอก พลอากาศเอก พลตำรวจโท พลตำรวจเอก ต่างก็ไปเลียแข้งเลียขาสยบอยู่แทบเท้าทักษิณมาแล้วทั้งสิ้น
เอแบคโพลล์ก็สำรวจออกมาให้เห็นในคราวเดียวกับที่ชื่นชมนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า นักการเมืองที่ช่วยเหลือคนยากคนจนมากที่สุดกว่าใครเพื่อนก็เป็นทักษิณอยู่แล้ว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีจึงไม่ควรรอช้าที่จะเลื่อนยศพลตำรวจเอก ให้ทักษิณ จะให้ดีเอาเป็นของขวัญปีใหม่ 2556 นี้เลยก็ยิ่งจะวิเศษ
กลับมาที่ภาพลักษณ์ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผมเคยมองว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่โง่ที่สุด โง่เสียยิ่งกว่านายบรรหาร ศิลปอาชา ที่เคยบริหารประเทศแล้วทำเอาคนไทยอับอายขายหน้าในหลายเรื่องหลายกรณี นางสาวยิ่งลักษณ์บริหารมาปีกว่าๆ ทำเรื่องเปิ่นๆ เห่ยๆ เชยๆ มานับสิบเรื่องยิ่งกว่านายบรรหาร แต่กลับครองใจประชาชนได้ยิ่งกว่านายบรรหารเสียอีก
แสดงว่าที่ผมมอง ผมคิดนั่น ผิดไปแล้วละครับ แท้จริงแล้ว ความผิดพลาดคงจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย คนที่ไม่ชอบอย่างผมทึกทักว่าเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญ เช่น พฤศจิกายน อ่านเป็น พฤศจิกาคม มองอีกแง่ (ในสายตาของประชาชนที่เอแบคโพลล์สำรวจ) ก็อาจจะมองว่าดูน่ารักดี ดูเป็นธรรมชาติดี เป็นนายกรัฐมนตรีก็ยังพูดผิด ผิดแล้วก็ยังเฉยๆ ไม่เขินอาย ไม่สะทกสะท้าน ไม่คิดอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นผู้หญิงที่อดทน และนิ่งจริงๆ
เออ ผมก็น่าจะคิดอย่างนี้ ทำไมผมไม่คิด ทำไมผมเป็นคนส่วนน้อยของประเทศ ของผลสำรวจไปเสียแล้วหรือ?
จำนำข้าว ผมก็ควรที่จะคิดว่า ชาวนาซึ่งแท้จริงก็คือ โคตรเหง้าของผมได้ประโยชน์ เพราะสามารถขายข้าวได้ตันละ 15,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาในชีวิตของปู่ ของทวดไม่เคยขายได้เลย แต่ผมก็ไม่คิด เพราะในความเป็นจริง ญาติพี่น้องที่เป็นชาวนาของผมก็ขายข้าวได้ไม่ถึง 15,000 บาทต่อตัน เพราะถูกโรงสีหักความชื้น หักโน่นหักนี่ พวกเขาไม่ได้ร่ำรวยขึ้น ฐานะไม่ดีขึ้น ถามไถ่กันจริงๆ กลับพบว่า หนี้สินของพวกเขากลับเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับหนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้น
นางสาวยิ่งลักษณ์ บอกว่า เรื่องราวตั้งแต่แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ข้าราชการประจำ เธอเป็นคนตัดสินใจเองหมด ทำไมผมไม่เชื่อ ซึ่งการไม่เชื่อของผมถือว่าเป็นเรื่องที่แย่มาก คิดไม่ดีกับเธอมาก พูดอย่างชาวบ้านก็ต้องบอกว่าผมคิดว่าเธอโกหก เธอตอแหล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีเอามากๆ ต่างกับผลสำรวจที่ให้คะแนนเธอในความซื่อสัตย์ สุจริตสูงมาก
ผมก็พยายามคิดว่า ผมคิดถูกหรือคิดผิด เคยได้ยินว่า ทักษิณบอกว่าคนนั้นคนนี้เหมาะที่จะเป็นรัฐมนตรี คนนั้นจะต้องได้รับการตอบแทน หรือแม้กระทั่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็ยอมรับว่า มีวันนี้เพราะพี่ให้
เพราะฉะนั้น ไม่มีใครโกหก ก็ต้องมีใครตอแหลละครับ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร คนส่วนน้อยของประเทศอย่างผมต้องอยู่อย่างสำรวม ทำตัวลีบๆ จ๋องๆ ละครับ
ร้อยละ 57.1 ระบุมีความคิดสร้างสรรค์ ร้อยละ 55.1 ระบุมีความเสียสละ ร้อยละ 54.0 มีความโอบอ้อมอารี ร้อยละ 53.7 ระบุมีวิสัยทัศน์ ร้อยละ 53.5 ระบุประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ร้อยละ 52.5 ระบุกล้าคิด กล้าตัดสินใจ ร้อยละ 51.9 ระบุมีความสุภาพอ่อนโยน ร้อยละ 51.3 ระบุมีความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 49.8 ระบุมีความฉับไวรวดเร็ว ร้อยละ 49.6 มีความยุติธรรม ร้อยละ 49.2 แก้ปัญหาความขัดแย้งได้ดี ร้อยละ 47.8 มีความอดทน อดกลั้น และร้อยละ 44.6 มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นตามลำดับ
อ่านผลสำรวจเอแบคโพลล์แล้ว ผมก็ต้องสำรวจตัวเอง และยอมรับว่า เป็นฝ่ายข้างน้อยของผลสำรวจ เป็นฝ่ายข้างน้อยของผลการเลือกตั้ง และก็ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว
ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดเมื่อนักข่าวไปถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีถึงหมายจับ ทักษิณ ชินวัตร ที่ศาลออกหมายครั้งล่าสุดกรณีที่ให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ คนใกล้ชิดลูกเต้าของทักษิณได้ไปรวมแล้วนับร้อยล้านบาท ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่า ทักษิณไม่สนใจหมายจับนั่น เพราะมันมาจากการรัฐประหาร และว่าจะไม่มีการถอดยศทักษิณ มีแต่ที่จะเพิ่มยศให้เป็นพลตำรวจเอก
บางคนฟังแล้วเป็นน้ำเสียงที่เหยียบย่ำหัวใจคนไทย ดูหมิ่นดูแคลนศาลที่ได้พิพากษาจำคุกทักษิณไปแล้ว นั่นก็อยู่ที่มุมมอง
ดูจากโพลของเอแบคนี้แล้ว ยศพลตำรวจเอกไม่น่าจะเพียงพอ พิจารณาจากพฤติกรรมที่ผ่านมาใน 3-4 ปีนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงสมควรที่จะอวยยศ ทักษิณ ชินวัตร ให้เป็นจอมพลตำรวจเสียเลยก็ยังได้ ระดับพลเอก พลอากาศเอก พลตำรวจโท พลตำรวจเอก ต่างก็ไปเลียแข้งเลียขาสยบอยู่แทบเท้าทักษิณมาแล้วทั้งสิ้น
เอแบคโพลล์ก็สำรวจออกมาให้เห็นในคราวเดียวกับที่ชื่นชมนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า นักการเมืองที่ช่วยเหลือคนยากคนจนมากที่สุดกว่าใครเพื่อนก็เป็นทักษิณอยู่แล้ว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีจึงไม่ควรรอช้าที่จะเลื่อนยศพลตำรวจเอก ให้ทักษิณ จะให้ดีเอาเป็นของขวัญปีใหม่ 2556 นี้เลยก็ยิ่งจะวิเศษ
กลับมาที่ภาพลักษณ์ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผมเคยมองว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่โง่ที่สุด โง่เสียยิ่งกว่านายบรรหาร ศิลปอาชา ที่เคยบริหารประเทศแล้วทำเอาคนไทยอับอายขายหน้าในหลายเรื่องหลายกรณี นางสาวยิ่งลักษณ์บริหารมาปีกว่าๆ ทำเรื่องเปิ่นๆ เห่ยๆ เชยๆ มานับสิบเรื่องยิ่งกว่านายบรรหาร แต่กลับครองใจประชาชนได้ยิ่งกว่านายบรรหารเสียอีก
แสดงว่าที่ผมมอง ผมคิดนั่น ผิดไปแล้วละครับ แท้จริงแล้ว ความผิดพลาดคงจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย คนที่ไม่ชอบอย่างผมทึกทักว่าเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญ เช่น พฤศจิกายน อ่านเป็น พฤศจิกาคม มองอีกแง่ (ในสายตาของประชาชนที่เอแบคโพลล์สำรวจ) ก็อาจจะมองว่าดูน่ารักดี ดูเป็นธรรมชาติดี เป็นนายกรัฐมนตรีก็ยังพูดผิด ผิดแล้วก็ยังเฉยๆ ไม่เขินอาย ไม่สะทกสะท้าน ไม่คิดอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นผู้หญิงที่อดทน และนิ่งจริงๆ
เออ ผมก็น่าจะคิดอย่างนี้ ทำไมผมไม่คิด ทำไมผมเป็นคนส่วนน้อยของประเทศ ของผลสำรวจไปเสียแล้วหรือ?
จำนำข้าว ผมก็ควรที่จะคิดว่า ชาวนาซึ่งแท้จริงก็คือ โคตรเหง้าของผมได้ประโยชน์ เพราะสามารถขายข้าวได้ตันละ 15,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาในชีวิตของปู่ ของทวดไม่เคยขายได้เลย แต่ผมก็ไม่คิด เพราะในความเป็นจริง ญาติพี่น้องที่เป็นชาวนาของผมก็ขายข้าวได้ไม่ถึง 15,000 บาทต่อตัน เพราะถูกโรงสีหักความชื้น หักโน่นหักนี่ พวกเขาไม่ได้ร่ำรวยขึ้น ฐานะไม่ดีขึ้น ถามไถ่กันจริงๆ กลับพบว่า หนี้สินของพวกเขากลับเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับหนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้น
นางสาวยิ่งลักษณ์ บอกว่า เรื่องราวตั้งแต่แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ข้าราชการประจำ เธอเป็นคนตัดสินใจเองหมด ทำไมผมไม่เชื่อ ซึ่งการไม่เชื่อของผมถือว่าเป็นเรื่องที่แย่มาก คิดไม่ดีกับเธอมาก พูดอย่างชาวบ้านก็ต้องบอกว่าผมคิดว่าเธอโกหก เธอตอแหล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีเอามากๆ ต่างกับผลสำรวจที่ให้คะแนนเธอในความซื่อสัตย์ สุจริตสูงมาก
ผมก็พยายามคิดว่า ผมคิดถูกหรือคิดผิด เคยได้ยินว่า ทักษิณบอกว่าคนนั้นคนนี้เหมาะที่จะเป็นรัฐมนตรี คนนั้นจะต้องได้รับการตอบแทน หรือแม้กระทั่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็ยอมรับว่า มีวันนี้เพราะพี่ให้
เพราะฉะนั้น ไม่มีใครโกหก ก็ต้องมีใครตอแหลละครับ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร คนส่วนน้อยของประเทศอย่างผมต้องอยู่อย่างสำรวม ทำตัวลีบๆ จ๋องๆ ละครับ