เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (3 ต.ค.) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำรายชื่อส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 62 รายชื่อ ยื่นหนังสือต่อ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งของ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โดยใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 เนื่องจากคณะส.ส.กลุ่มดังกล่าวเห็นว่า นายงยุทธ น่าจะขาดคุณสมับติการเป็นส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 (6) อันเนื่องมาจากมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ที่ชี้มูลว่า มีการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และมติอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) ของกระทรวงมหาดไทย มีมติให้ไล่ออกจากราชการ ดังนั้นจึงขอให้รีบดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยเร็ว
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ได้รับเรื่องไปตรวจสอบความถูกต้องโดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ จึงจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้
** ไม่ห่วงปัญหายงยุทธทำป่วน
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงการณีที่มีการเกรงว่า การลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ของนายยงยุทธ จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลว่า นายกรัฐมนตรีตอบหมดแล้ว และมันจบไปแล้ว ถือว่า นายยงยุทธ มีสปิริต และกล้าหาญที่ทำอย่างนั้น ท่านให้ทุกอย่างสามารถเดินไปได้ และท่านรับไว้เองคนเดียว ส่วนเรื่องการพิสูจน์เรื่องคดีนั้น ต้องว่ากันอีกทีหนึ่ง คิดว่า รัฐบาลไม่มีปัญหา
ส่วนที่มีข่าวว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงจะมานั่ง รมว.หมาดไทย นั้น ตนไม่ตอบ และไม่ทราบ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของตน สำหรับแนวโน้มการปรับครม. นายกรัฐมนตรีก็ตอบไปแล้ว ท่านรู้ดีที่สุด ตนไม่รู้หรอก
** ปรับครม.ใหม่ระวังหนีเสือปะจรเข้
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับ ครม. หลังจากที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ลาออกจากการเป็นรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ว่า จากกระแสข่าวการปรับครม.ที่ออกมาในขณะนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า อาจไม่ได้รัฐมนตรีคนใหม่ที่เหมาะสมกับการบริหารบ้านเมืองให้เดินหน้าในทิศทางที่เหมาะสม เพราะมีผู้มีบารมีนอกรัฐบาลและ เจ๊ด. เข้ามามีบทบาทผลักดันคนในสังกัดให้มีตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งหากดูตามรายชื่อที่ปรากฏขณะนี้ จะเข้าลักษณะดูดี แต่มีราคีคาวทางด้านการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งนายกต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะแม้นายกรัฐมนตรีจะรู้สึกว่ามีวันนี้ เพราะพี่ให้ แต่ประเทศชาติมีวันนี้ได้และจะอยู่ได้ต่อไป เพราะการบริหารงานของนายกฯ ดังนั้นจะคำนึงเฉพาะมีวันนี้เพราะพี่ให้ไม่ได้ นายกฯ ต้องระมัดระวังแสดงศักยภาพผู้นำเป็นตัวของตัวเองในการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มีความเหมาะสม ไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะไม่ได้ประโยชน์อะไร จากการปรับครม.ครั้งนี้ เพราะแทนที่จะดีขึ้นอาจกลายเป็นหนีเสือปะจรเข้ก็ได้
** ฉะปชป.หวังเสี้ยมพท.-รัฐฯแตกแยก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้ข่าวว่ารัฐบาลจะปรับครม.เพราะมีแรงกดดันจากผู้มีบารมีนอกรัฐบาล และเจ๊ ด. ว่า เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง นายองอาจ จินตนาการไปเอง เพราะการปรับครม. นายกฯยิ่งลักษณ์ ก็ยืนยันว่า ยังไม่ปรับครม. ในขณะนี้ ตนขอให้นายองอาจ หยุดการใช้ข่าวการปรับครม.เป็นเกมการเมือง โดยเอาข่าวปล่อยผ่านกระแสสื่อ มาตีกิน และหวังเสี้ยมคนในพรรค และรัฐบาลให้เกิดความแตกแยก และเพื่อให้กระทบภาพลักษณ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าถูกกดดัน หรือชี้นำจากคนอื่น ตนอยากให้นายองอาจ คิดใหม่ว่า คนอย่างนายกฯไม่มีใครกดดัน หรือชี้นำได้ หนึ่งปีกว่าในการบริหารประเทศแสดงให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำในทุกด้าน ผลโพลก็ให้สอบผ่าน
ส่วนที่นายองอาจ กล่าวหาว่า รายชื่อที่ปรากฏ มีลักษณะดูดี แต่มีราคีคาวด้านทุจริตคอร์รัปชันนั้น ก็ไม่เป็นความจริง ขอท้านายองอาจ "ถ้ามีหลักฐานให้นำออกมาแฉ ว่าใครมีราคีคาว หรือคอร์รัปชัน ประชาชนจะได้รู้ อย่าเหวี่ยงแห เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น แล้วลืมพฤติกรรมเดิมๆ ที่เป็นราคีคาวของตัวเอง พูดอะไรอย่าลืมพฤติกรรมของตัวเองแล้วกล่าวหาผู้อื่นโดยปราศจากหลักฐาน" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ว่างมากหรืออย่างไร ทำไมไม่เอาเวลาไปทำอย่างอื่น เที่ยวคอยออกมาสาระแน วุ่นวายในสิ่งที่ธุระไม่ใช่ และพูดส่อเสียดในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ทำงานการเมืองแบบคนมักง่าย คอยตีปลาหน้าไซ เพราะการปรับครม. ทางพรรคเพื่อไทยเองก็ยังไม่ทราบว่าจะมีใครเป็นแคนดิเดต
“อย่ามาทำลายความน่าเชื่อถือโดยไม่จำเป็น และการปรับครม.เป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่ฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ ควรจะรู้ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องของตน เรื่องไหนเป็นเรื่องของคนอื่น หรือไม่ก็ควรจะเอาเวลาไปคิดนโยบายที่จะเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนมาแข่งกับพรรคเพื่อไทยจะสร้างสรรค์กว่า เพราะพรรคเพื่อไทยยังไม่เคยเข้าไปวุ่นวายกับการปรับครม.เงา ของพรรคประชาธิปัตย์เลย ปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ได้สนุกสนาน และสามารถใช้จินตนาการได้อย่างเต็มที่กับครม.เงาของตนเอง" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า ผู้ที่มีบทบาทและอำนาจเต็มในการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาดำรงตำแหน่งในครม.จริงนั้น ก็คือ นายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์นั้น อดใจรอสักครู่ พอรู้ว่าใครได้รับการแต่งตั้งค่อยออกมาวิจารณ์ก็ไม่สายเกินไป
------------
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ได้รับเรื่องไปตรวจสอบความถูกต้องโดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ จึงจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้
** ไม่ห่วงปัญหายงยุทธทำป่วน
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงการณีที่มีการเกรงว่า การลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ของนายยงยุทธ จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลว่า นายกรัฐมนตรีตอบหมดแล้ว และมันจบไปแล้ว ถือว่า นายยงยุทธ มีสปิริต และกล้าหาญที่ทำอย่างนั้น ท่านให้ทุกอย่างสามารถเดินไปได้ และท่านรับไว้เองคนเดียว ส่วนเรื่องการพิสูจน์เรื่องคดีนั้น ต้องว่ากันอีกทีหนึ่ง คิดว่า รัฐบาลไม่มีปัญหา
ส่วนที่มีข่าวว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงจะมานั่ง รมว.หมาดไทย นั้น ตนไม่ตอบ และไม่ทราบ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของตน สำหรับแนวโน้มการปรับครม. นายกรัฐมนตรีก็ตอบไปแล้ว ท่านรู้ดีที่สุด ตนไม่รู้หรอก
** ปรับครม.ใหม่ระวังหนีเสือปะจรเข้
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับ ครม. หลังจากที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ลาออกจากการเป็นรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ว่า จากกระแสข่าวการปรับครม.ที่ออกมาในขณะนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า อาจไม่ได้รัฐมนตรีคนใหม่ที่เหมาะสมกับการบริหารบ้านเมืองให้เดินหน้าในทิศทางที่เหมาะสม เพราะมีผู้มีบารมีนอกรัฐบาลและ เจ๊ด. เข้ามามีบทบาทผลักดันคนในสังกัดให้มีตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งหากดูตามรายชื่อที่ปรากฏขณะนี้ จะเข้าลักษณะดูดี แต่มีราคีคาวทางด้านการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งนายกต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะแม้นายกรัฐมนตรีจะรู้สึกว่ามีวันนี้ เพราะพี่ให้ แต่ประเทศชาติมีวันนี้ได้และจะอยู่ได้ต่อไป เพราะการบริหารงานของนายกฯ ดังนั้นจะคำนึงเฉพาะมีวันนี้เพราะพี่ให้ไม่ได้ นายกฯ ต้องระมัดระวังแสดงศักยภาพผู้นำเป็นตัวของตัวเองในการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มีความเหมาะสม ไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะไม่ได้ประโยชน์อะไร จากการปรับครม.ครั้งนี้ เพราะแทนที่จะดีขึ้นอาจกลายเป็นหนีเสือปะจรเข้ก็ได้
** ฉะปชป.หวังเสี้ยมพท.-รัฐฯแตกแยก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้ข่าวว่ารัฐบาลจะปรับครม.เพราะมีแรงกดดันจากผู้มีบารมีนอกรัฐบาล และเจ๊ ด. ว่า เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง นายองอาจ จินตนาการไปเอง เพราะการปรับครม. นายกฯยิ่งลักษณ์ ก็ยืนยันว่า ยังไม่ปรับครม. ในขณะนี้ ตนขอให้นายองอาจ หยุดการใช้ข่าวการปรับครม.เป็นเกมการเมือง โดยเอาข่าวปล่อยผ่านกระแสสื่อ มาตีกิน และหวังเสี้ยมคนในพรรค และรัฐบาลให้เกิดความแตกแยก และเพื่อให้กระทบภาพลักษณ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าถูกกดดัน หรือชี้นำจากคนอื่น ตนอยากให้นายองอาจ คิดใหม่ว่า คนอย่างนายกฯไม่มีใครกดดัน หรือชี้นำได้ หนึ่งปีกว่าในการบริหารประเทศแสดงให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำในทุกด้าน ผลโพลก็ให้สอบผ่าน
ส่วนที่นายองอาจ กล่าวหาว่า รายชื่อที่ปรากฏ มีลักษณะดูดี แต่มีราคีคาวด้านทุจริตคอร์รัปชันนั้น ก็ไม่เป็นความจริง ขอท้านายองอาจ "ถ้ามีหลักฐานให้นำออกมาแฉ ว่าใครมีราคีคาว หรือคอร์รัปชัน ประชาชนจะได้รู้ อย่าเหวี่ยงแห เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น แล้วลืมพฤติกรรมเดิมๆ ที่เป็นราคีคาวของตัวเอง พูดอะไรอย่าลืมพฤติกรรมของตัวเองแล้วกล่าวหาผู้อื่นโดยปราศจากหลักฐาน" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ว่างมากหรืออย่างไร ทำไมไม่เอาเวลาไปทำอย่างอื่น เที่ยวคอยออกมาสาระแน วุ่นวายในสิ่งที่ธุระไม่ใช่ และพูดส่อเสียดในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ทำงานการเมืองแบบคนมักง่าย คอยตีปลาหน้าไซ เพราะการปรับครม. ทางพรรคเพื่อไทยเองก็ยังไม่ทราบว่าจะมีใครเป็นแคนดิเดต
“อย่ามาทำลายความน่าเชื่อถือโดยไม่จำเป็น และการปรับครม.เป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่ฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ ควรจะรู้ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องของตน เรื่องไหนเป็นเรื่องของคนอื่น หรือไม่ก็ควรจะเอาเวลาไปคิดนโยบายที่จะเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนมาแข่งกับพรรคเพื่อไทยจะสร้างสรรค์กว่า เพราะพรรคเพื่อไทยยังไม่เคยเข้าไปวุ่นวายกับการปรับครม.เงา ของพรรคประชาธิปัตย์เลย ปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ได้สนุกสนาน และสามารถใช้จินตนาการได้อย่างเต็มที่กับครม.เงาของตนเอง" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า ผู้ที่มีบทบาทและอำนาจเต็มในการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาดำรงตำแหน่งในครม.จริงนั้น ก็คือ นายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์นั้น อดใจรอสักครู่ พอรู้ว่าใครได้รับการแต่งตั้งค่อยออกมาวิจารณ์ก็ไม่สายเกินไป
------------
