โฆษก ตร.เผย ทีมสอบคดีระเบิดกลางกรุง เร่งหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมนำไปพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ด้าน “โมฮัมหมัด” ยังให้การภาคเสธ ส่วนการพบสติกเกอร์ “SEJEAL” เพิ่มเติมได้ประสาน กทม.ตรวจ CCTV ย้อนหลังก่อนปีใหม่ เพื่อหาเบาะแส พร้อมค้นหาความหมายของอักษร วอนประชาชนเห็นสิ่งผิดปกติแจ้ง ตร.ตรวจทันที ขณะที่มีรายงานว่า “ปานศิริ” สั่งสายตรวจทุกพื้นที่ตามหา จยย.มีโอ ทะเบียนอ่างทอง คาด เป็นรถผู้ต้องหาโยงก่อเหตุบึ้ม
วันนี้ (23 ก.พ.) เวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร. แถลงความคืบหน้าเหตุระเบิด 3 จุด ย่านสุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ นายโมฮัมหมัด คาซาอี เพิ่มเติม ซึ่งผู้ต้องหายังให้การในภาคเสธ แต่ข้อมูลนั้นเป็นประโยชน์และสอดคล้องกับรูปคดี โดย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร.ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนไปหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมกับนำหลักฐานไปพิสูจน์ตามกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งงานสอบสวนได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นคนดูแล
พล.ต.ต.ปิยะ เปิดเผยว่า สติกเกอร์ “SEJEAL” นั้น พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้แบ่งงานให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) ดูแลหาที่มาที่ไปและตรวจสอบว่านำมาติดเมื่อไหร่ พร้อมขอความร่วมมือโดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพบนริมท้องถนน เช่น ผู้ขับรถ จยย.รับจ้าง คนขับแท็กซี่ และแม่ค้าพ่อค้า ช่วยแจ้งเบาะแสไปที่สถานีตำรวจใกล้เคียง หรือ โทร.191 เมื่อพบเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น รวมทั้งประสานกับ กทม.และภาคเอกชนต่างๆ เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด cctv ย้อนหลังไปก่อนตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 เพื่อให้พนักงานสอบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่มุ่งการตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้งหมด 7 จุด รวมทั้ง วิทยุทรานซิสเตอร์ ใบเสร็จ เศษกระดาษต่างๆ เพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปว่ามีความสอดคล้องกันอย่างไร
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ด้านสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.) จะดำเนินการตรวจสอบดีเอ็นเอ และหาลายนิ้วมือแฝงตามสถานที่ต่างๆ และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) ทำหน้าที่ค้นหาความหมายของคำในสติกเกอร์ดังกล่าว รวมไปถึงเอกสารและประสานงานกับข่าวกรองทั้งจากฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ทหาร เนื่องจากสติกเกอร์มีรูปแบบเดียวกันกับใต้เบาะรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยที่ตรวจยึดได้ รวมถึงในห้องพักของ นางโรฮานี ไลลา และพบสติกเกอร์ดังกล่าวในพื้นที่ 5 สน.ได้แก่ ทองหล่อ คลองตัน ท่าเรือ ดินแดง ลุมพินี
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จะตรวจสอบการเข้าออกของผู้ต้องหาทั้ง 5 คนอย่างละเอียด โดยเฉพาะรายละเอียดในการเดินทางเข้าออกประเทศตั้งแต่เริ่มต้น จากเจ้าหน้าที่ประจำสายการบิน ทั้งที่สุวรรณภูมิ และที่ภูเก็ต รวมถึงสายการบินที่เดินทางมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการจับผู้ต้องหาที่ติดสติกเกอร์ได้หรือยัง พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากประชาชนที่เคยพบเบาะแส แต่ยังไม่มีการจับผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด แต่ถ้าผู้ประกอบอาชีพตามท้องถนนให้เบาะแสมาก็จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเพิ่มเติม
“วันนี้ทางคณะกรรมการฝ่ายสืบสวนสอบสวน นครบาล ได้ข้อสรุปว่า หากพบหลักฐานเพียงพอชัดเจนว่าใครกระทำผิด ก็จะออกหมายจับ และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ซึ่งการทำงานของเจ้าหน้าที่มีความคืบหน้าไปเยอะ รวมทั้งมีหลักฐานเอกสาร พยานวัตถุ โดยคดีนี้มีความสำคัญ ต้องมีความรอบคอบ ไม่สามารถด่วนสรุปได้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและความมั่นคงของชาติเป็นหลัก” โฆษก ตร.กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.ปานศิริ ได้ออกคำสั่งผ่านวิทยุ บช.น.สั่งการให้สายตรวจทุกพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณ บก.น.1, 4, 5 ให้ตามหารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อมีโอ สีดำ ทะเบียน กนต 648 อ่างทอง ที่ซื้อมาจากร้านค้าแห่งหนึ่ง เลขที่ 803 ถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี ซึ่งคาดว่าอาจเป็นรถของผู้ต้องหาที่ได้เช่าเอาไว้อีก 1 คัน