“ปานศิริ” เรียกทุกหน่วยถกคลี่คลายคดีระเบิดกลางกรุง โดยจะร่วมกันตรวจดูพยานหลักฐาน หากเพียงพอจะขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมทันที
วันนี้ (17 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.45 น. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีระเบิด 3 จุดกลางกรุง เช่น พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พิสิทธิ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รรท.รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ธัมรงค์ วงแป้น รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรชิต กาญจนเศรษฐ์ ผกก.กตว.บก.ตปพ.บช.น. พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผกก.กตว.บก.ตปพ.บช.น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และพนักงานสอบสวน จากทั้ง บช.น. กองปราบปราม สตม. และสันติบาล เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ.บช.น. หรืออีโอดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวก่อนเข้าประชุมว่า การประชุมวันนี้เป็นการติดตามความคืบหน้าการขยายผลไปถึงผู้ร่วมกระทำผิดจากพยานหลักฐานตามภาพถ่ายจากที่สอบพยานในส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนเมื่อช่วงเช้าที่เดินทางไปรายงานความคืบหน้าคดีที่ สมช.นั้น ขอให้ถามรายละเอียดกับเลขาฯ สมช. เพราะตนได้เดินทางไปรายงานความคืบหน้าเรื่องการสืบสวนสอบสวนเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากพยานหลักฐานที่ฝ่ายสืบสวนรายงานให้ทราบแล้วนั้นจะสามารถเสอนศาลออกหมายจับผู้ต้องหารายที่ 5 ได้เมื่อไหร่ พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า ในวันนี้จะมาตรวจดูในเรื่องพยานหลักฐาน หากมีเพียงพอหรือสมบูรณ์ก็จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับทันที แต่หากจำเป็นต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมจะสั่งการให้สอบสวนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ในชั้นนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาก่อการร้ายแต่อย่างใด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าผู้ต้องหาคนที่ 5 นั้นใช่นายนิคคาฟาร์ด จาวัด หรือไม่นั้น พล.ต.อ.ปานศิริตอบเพียงว่า “ขอประชุมก่อน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวันนี้ทางเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ.บช.น. หรืออีโอดี ได้นำชิ้นส่วนวัตถุระเบิดทั้งหมดมาร่วมประชุมเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมีหลักฐานเพิ่มเติมเข้ามา คือ วัตถุทรง 4 เหลี่ยมจัตุรัสสีดำ ขนาดประมาณ 4x4 นิ้่ว ตรงกลางมีรูวงกลมขนาดสามารถวางกระป๋องน้ำอัดลมได้ มีนอตสกรูยึดไว้ 3 ตัว รวมจำนวน 5 ชิ้น ซึ่งยึดได้จากห้องพักเลขที่ 409 อาคารนาซ่าเวกัส ทาวเวอร์ ถนนรามคำแหง แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา เมื่อช่วงเย็นวานนี้่ (16 ก.พ.) มาเข้าประชุมเพิ่มเติมด้วย ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ฯ ในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าวัตถุดังกล่าวนั้นมีไว้ทำอะไร แต่คาดว่าน่าจะนำประกอบเข้ากับตัวระเบิดด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องติดตามความคืบหน้า ซึ่งทางคดีถือว่ามีความคืบหน้าพอสมควร โดยขอศาลอนุมัติออกหมายจับ เพราะพยานวัตถุและพยานบุคคลที่รวบรวมได้ว่าบุคคล 4 คน อาจไม่ได้อยู่เฉพาะบ้านหลังเกิดเหตุในซ.ปรีดีพนมยงค์ 31 เท่านั้น พร้อมตรวจสอบ 3 จุดที่มีการระเบิดรวมทั้งบ้านที่เกิดเหตุ ตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม และเชื่อว่าน่าจะมีผู้มาเกี่ยวข้องมากกว่า 4 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ทั้งนี้ บ้านที่เกิดเหตุระเบิดในซ.ปรีดีพนมยงค์ 31 ได้ตั้งข้อหาทั้ง 3 คนแล้ว แต่การเก็บหลักฐานหาข้อสรุปยังไม่จบสิ้น
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวต่อว่า สิ่งของที่พบจากการตรวจค้นอาคารนาซ่า เวกัส เมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) ทางผู้ชำนาญการจะดำเนินการตรวจสอบ และในห้องพักที่ตรวจค้นผู้ชำนาญการจะตรวจสอบทุกมิติ ซึ่งผลการตรวจจะรอผู้ชำนาญการสรุปอีกที
ผู้สื่อข่าวถามว่าบุคคลต้องสงสัยคนที่ 5 ชื่อนายนิคคาฟาร์ค จาวัค อายุ 52 ปี มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดหรือไม่ พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าอยู่ในประเทศไทยหรือเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว และตอนนี้ยังไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ขอตรวจสอบก่อน อีกทั้ง มีสิ่งที่ต้องทำอยู่มากและอาจทำให้มีชื่อบุคคลต่างๆเข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะนี้อยู่ขั้นตอนการสืบสวนอยู่ว่าคนตามภาพจากกล้องวงจรปิดคือใคร ยังไม่สามารถสรุปได้ และการที่ศาลอนุมัติออกหมายจับต้องมีพยานหลักฐานที่สมบูรณ์ น่าเชื่อถือได้ว่ามีการกระทำผิดจริง
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า การข่าวจะให้ทาง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล(บก.ส.)เป็นหน่วยงานหลัก ส่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)จะทำงานตามขั้นตอนอยู่ซึ่งสัปดาห์หน้าจะดำเนินการได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าบุคคลที่ถูกตามสังหารคือนักการทูตของอิสราเอลหรือไม่ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า บอกได้เพียงว่าเหตุการณ์ระเบิดน่าจะเกี่ยวกับตัวบุคคลมากกว่าแต่เป็นใครนั้น กำลังสืบสวนอยู่
“ส่วนคดีนายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องหาชาวเลบานอน ที่ได้เรียกประชุมเพื่อสรุปผลการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนออัยการสูงสุด ในสัปดาห์หน้า ซึ่งทั้ง 2 คดีไม่มีการเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด แต่นายอาทริส ถูกตั้งข้อหา พ.ร.บ. ยุทธภัณฑ์นำสารต้องห้ามเข้าประเทศเท่านั้น” พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าว
นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงเย็นของวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบจากข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศไทยของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลาง จนพบบุคคลที่ชื่อ นายนิคคาฟาร์ด จาวัด (Mr.Nikkhahfard javad) ชาวตะวันออกลาง ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับบุคคลในภาพวงจรปิด แต่นายนิคคาฟาร์ด เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา และได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บช.น.และตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน ได้นำภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด และภาพนายนิคคาฟาร์ด จาวัดไปให้พยาน และชาวบ้านที่อยู่ใกล้บ้านเช่าของกลุ่มผู้ต้องหาชาวอิหร่าน รวมทั้งให้หญิงรายหนึ่งซึ่งเป็นนายหน้าที่ทำธุรกรรมบ้านเช่า เลขที่ 66 ซอยปรีดีพนมยงค์ 31 (ซอยย่อยเจริญใจ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.ซึ่ง ได้บอกตรงกันว่ายังไม่แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าพรุ่งนี้ (17 ก.พ.) มีการประชุมความคืบหน้าเรื่องเหตุการณ์ระเบิด 3 จุด ที่สน.คลองตัน เวลา 13.30 น.