ผบช.สพฐ. นำกำลังเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน หน่วยอีโอดีพร้อมด้วยสุนัขตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านที่ชาวอิหร่านเช่าไว้ภายในซอยปรีดีพนมยงค์จนเกิดระเบิดขึ้น 3 จุด แต่ไม่พบวัตถุระเบิดเพิ่มเติม
วันนี้ (15 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ ผบช.สพฐ พล.ต.ต.สัญชัย สุนทรบุระ รอง ผบช.สพฐ. พล.ต.ต.อภิรัตน์ ปรักกมะกุล ผบก.พฐ.กลาง บช.น. พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว รรท.ผบก.น.5 พล.ต.ต. รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ สส.บช.น. พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าตรวจหาหลักฐานภายในบ้านเดี่ยวเลขที่ 66 ภายในซอยปรีดีพนมยงค์ 31 แขวงเขตวัฒนา กทม. ซึ่งเป็นบ้านเช่าของชาวอิหร่าน 3 รายที่ก่อเหตุระเบิด 3 จุดได้เช่าไว้ โดยใช้เวลาในการเก็บหลักฐานนานกว่า 3 ชั่วโมง
พล.ต.ท.พีระพงศ์ เปิดเผยหลังจากตรวจหาหลักฐานในบ้านพักหลังดังกล่าวว่า วันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้ามาเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ทุกอย่างภายในบ้านผู้ก่อเหตุ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นลายนิ้วมือ หรือเศษวัตถุระเบิด
ด้านพล.ต.ต.อภิรัตน์ ยืนยันว่า เป็นการหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเชื่อมโยงคดี และให้สำนวนมีความรัดกุมมากขึ้น ซึ่งเบื้องต้นไม่พบวัตถุระเบิดเพิ่มเติม
ในวันเดียวกัน เวลา 11.00 น. ที่สน.คลองตัน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. เดินทางมาเพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าคดีระเบิด 3 จุดที่เกิดขึ้นวานนี้(14 ก.พ.) พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆว่า วันนี้จะมีการประชุมติดตามคลี่คลายคดีเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว โดย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.จะเป็นประธานในการประชุม ซึ่งจะเรียกประชุมในช่วงบ่ายวันนี้ แต่เมื่อถึงเวลาประชุมพล.ต.อ.ปานศิริไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากติดภารกิจอื่น และภายหลังการประชุมสิ้นสุด พล.ต.ต.อนุชัย ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดต่อสื่อมวลชน
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระเบิดที่เกิดขึ้น 3 จุดกลางกทม. นั้น ประกอบด้วยวิทยุพกพาสีดำมีหูหิ้ว ความกว้างประมาณ 20 ซม. ยาวประมาณ 40-50 ซม. สูงประมาณ 30 ซม. โดยแกะเอาวงจรด้านหลังวิทยุออกก่อนนำระเบิดซีโฟร์น้ำหนัก 4 ปอนด์ ยัดใส่แทน จากนั้นนำส่วนหัวระเบิดมือที่ยังมีกระเดือง สลักแหวนระเบิด และแกนตัวจุดระเบิดเสียบใส่เข้าไปในวิทยุจนถึงเนื้อระเบิดซีโฟร์ นอกจากนี้ยังมีลูกเหล็กใส่ไว้ในกล่องวิทยุ เพื่อเพิ่มความรุนแรงในการสังหาร อีกทั้งมีการนำแม่เหล็กลักษณะกลมและแบนกว้างประมาณ 2 ซม.จำนวน 6 ตัว ติดไว้ใต้ฐานวิทยุ โดยระเบิดวิทยุแต่ละตัวมีน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม
ส่วนวิธีใช้ระเบิดดังกล่าวนั้นเมื่อดึงสลักระเบิดออก ระเบิดจะทำงานในเวลา 5 วินาที่ รัศมีระเบิดกว้างประมาณ 40 เมตร รัศมีสังหารประมาณ 3-5 เมตร โดยระเบิดที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายทำขึ้นทั้งหมด 5 ลูก โดยลูกแรกเกิดระเบิดในบ้านผู้ก่อการร้าย ซึ่งลูกที่สองระเบิดข้างรถแท็กซี่ และลูกที่สามระเบิดข้างตู้โทรศัพท์หน้าโรงเรียนเกษมพิทยา ส่วนอีก 2 ลูก เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเก็บกู้ได้ในบ้านเช่าหลังดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ที่สน.คลองตัน ได้มีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดดังกล่าวเดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ประกอบด้วย นายธีระพล หอประสาททอง อายุ 53 ปี ลูกชายนายกังวาล หอประสาททอง ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิด พร้อมกับน.ส.จุฑาทิพย์ สัจจะดำรงค์ อายุ 62 ปี และร.อ.ชัชวาล อรรถจินดา อายุ 80 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นเจ้าของบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นวานนี้ (14 ก.พ.) และได้รับความเสียหายจากเหตุดังกล่าว
นายธีระพล กล่าวว่า บ้านตนอยู่ใกล้กับจุดที่รถแท็กซี่ระเบิด โดยส่งผลให้บริเวณรอบบ้านได้รับความเสียหาย ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าบ้านได้รับความเสียหายประมาณ 1 แสนบาท จึงเดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการยื่นขอรับค่าชดใช้ความเสียหายกับบริษัทประกันภัยที่ทำไว้ แต่ยังมีความกังวลใจว่าประกันภัยที่ทำไว้จะครอบคลุมและชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่ เนื่องจากประกันภัยที่ทำไว้เป็นการประกันอัคคีภัย ส่วนนายกังวาน บิดาของตน ยังนอนพักรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไทย 1
ด้าน ร.อ.ชัชวาล นายทหารนอกราชการและมีบ้านอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ที่บ้านเป็นบ้านแฝดสูง 4 ชั้น อยู่ติดกับบ้านของนายธีระพล ซึ่งได้รับความเสียหายที่บริเวณด้านหน้าชั้นที่ 1 หากไม่มีกำแพงบ้านของนายธีระพลขวางไว้ก็คงได้รับความเสียหายมากกว่านี้ ซึ่งที่เดินทางมาแจ้งความกับตำรวจ ก็เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากกลุ่มผู้กระทำความผิด แต่ยังถือว่าโชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีเพียงอาการหูอื้อเล็กน้อยจากเสียงระเบิดและรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วน น.ส.จุฑาทิพย์ กล่าวว่า มีอาคารพาณิชย์เป็นตึกแถว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจุดรถแท็กซี่ระเบิด สำหรับความเสียหายเท่าที่ประเมินมีมากกว่า 10 แห่ง ส่วนใหญ่จะเป็นกระจกและประตู เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกตกใจมาก ขณะเกิดเหตุยังอยู่ในตึกแถว ซึ่งได้ยินเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นดังสนั่นหวั่นไหวจนทำให้หูอื้อ ทั้งนี้ กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุตนเคยเห็นเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา และเห็นเป็นชาวต่างชาติเดินไปเดินมาผ่านหน้าบ้านแต่ไม่รู้ว่าเป็นประเทศอะไร ซึ่งตอนนี้ยังรู้สึกหวาดระแวงเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก
“เพื่อนบ้านบางรายไม่กล้าอยู่บ้านต้องไปอาศัยอยู่กับญาติที่อื่นจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยเท่าที่สอบถามเพื่อนบ้านในละแวกที่เกิดเหตุทราบว่ามีบ้านเรือนที่ได้รับ ความเสียหายทั้งหมด 8 หลัง”น.ส.จุฑาทิพย์ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.สง่า ปัญญา พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.คลองตัน เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จาก พฐ.และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ส่วนเรื่องเจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหายและได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดนั้นให้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการเบิกประกันภัยต่างๆ