ผบ.ตร.ย้ำ บึ้ม 3 จุด ไม่ใช่ก่อการร้าย ชี้เป้าหมายอยู่ที่ตัวเจ้าหน้าที่ทูตอิสราเอล วอนประชาชนอย่าแตกตื่น ด้าน ตร.เสนอศาลขออนุมัติหมายจับ 4 ผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ประสานมาเลเซียรวบได้อีกหนึ่งราย ส่วนมือระเบิดขาขาดอาการยังทรงตัว 191 วางกำลังดูแลเข้ม
วันนี้ (15 ก.พ.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.กล่าวย้ำถึงเหตุระเบิด 3 จุดภายในซอยปรีดีพนมยงค์ 31-35 แขวงและเขตวัฒนา กทม.ว่า คนร้ายไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การก่อการร้ายภายในประเทศไทย แต่มีเป้าหมายชัดเจนที่ตัวบุคคล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอลในประเทศไทย ทั้งนี้ หลักฐานที่พบเชื่อได้เหตุระเบิดนี้เชื่อมโยงกับเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทูตอิสราเอลในประเทศอินเดีย และ จอร์เจีย เนื่องจากระเบิดที่ใช้ก่อเหตุเป็นระเบิดแสวงเครื่องลักษณะการประกอบเหมือนกัน อีกทั้งมีแถบแม่เหล็กที่เอาไว้แปะ ติดกับวัตถุเหมือนกัน ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ คนร้ายมีเป้าหมายที่บุคคลไม่ใช่มุ่งก่อการร้ายทำลายสถานที่ หรือกลุ่มคนจำนวนมาก ทั้งนี้ แม้คนร้ายที่จับกุมนายที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังให้การภาคเสธ แต่หลักฐานที่พบ อาทิ สารประกอบระเบิด ที่ติดเสื้อผ้า รวมทั้งบาดแผลสะเก็ดระเบิด ยืนยันได้ว่า มีส่วนร่วมกับการก่อเหตุครั้งนี้
ด้าน พ.ต.ท.สง่า ปัญญา พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.คลองตัน เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า ล่าสุดได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งเอกสารสำคัญและภาพถ่ายในที่เกิดเหตุเสนอศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขออนุมัติหมายจับคนร้ายในคดีนี้แล้ว โดยคาดการณ์ว่า บุคคลที่จะออกหมายจับมีทั้งสิ้น 4 ราย คือ 1.นายซาอิด โมราดิ อายุ 28 ปี ที่ขาทั้งสองข้างขาดรักษาตัวอยู่ที่ รพ.จุฬาฯ 2.นายมูฮัมหมัด ฮะซาอิ อายุ 42 ปี ที่ถูกจับกุมได้คาสนามบินสุวรรณภูมิวานนี้ 3.นายมาซุด ซีดากัส ซาเดท อายุ 31 ปี ที่หลบหนีไปถึงประเทศมาเลเซียแล้ว และ นางสาวโรฮานี ไลลา ซึ่งแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อทำเรื่องขอเช่าบ้านให้ผู้ต้องหาทั้งหมด
ส่วน พ.ต.อ.สุนทร เขมะประภา รองผบก.น.5 เปิดเผยว่า ในการตั้งข้อกล่าวหาของผู้ต้องหาแต่ละคนนั้น จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่ต่างวาระ โดยขณะนี้ศาลกำลังพิจารณาว่าจะมีการอนุมัติหมายจับหรือไม่ อย่างไรก็ตามหากศาลออกหมายจับแล้วก็จะดำเนินการส่งหมายไปยังตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.งานสายตรวจ บก.สปพ.(191) เปิดเผยว่า นายซาอิด โมราดิ อายุ 28 ปี คนร้ายชาวอิหร่านที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิด 3 จุด ขณะนี้อาการยังทรงตัว โดยใช้เครื่องให้ออกซิเจนช่วยหายใจอยู่ในห้องไอ.ซี.ยู. รพ.จุฬาฯ ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ตนจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 191 ไปเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัย โดยมีการแบ่งกำลังออกเป็น 3 ผลัด ผลัดละ 8 นาย หมุนเวียนกันปฎิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วน พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บชน.เปิดเผยว่า ได้มีการแบ่งงานให้กับเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีออกเป็น 3 ส่วน โดย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลผู้ต้องหาที่จับกุมได้ที่สุวรรณภูมิ รวมทั้งสอบปากคำ สำหรับผู้ต้องหาที่ได้รับบาดเจ็บทาง สน.คลองตัน จะเป็นผู้รับผิดชอบรวมถึงการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ และพยานแวดล้อมทั้งหมด ส่วนกองพิสูจน์หลักฐานและหน่วยเก็บกู้ระเบิด จะทำหน้าที่ตรวจสอบพยานวัตถุต่างๆ ภายในจุดเกิดเหตุทั้ง 3 แห่ง ซึ่งทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) จะนำผลสรุปจากการปฏิบัติหน้าที่แต่ละส่วนมาประมวลผลติดตามจับกุมคนร้ายที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ทางการไทยสามารถตรวจสอบได้ว่า นายมาซุด ซีดากัส ซาเดท อายุ 31 ปี ถูกตำรวจมาเลเซียควบคุมตัวได้หลังจากเดินทางออกนอกประเทศไทยไปถึงมาเลเซีย ตั้งแต่เวลา 21.00 น.วันที่ 14 ก.พ.แล้วนั้น ทาง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ได้ใช้วิธีเจรจาขอให้ทางการมาเลเซียส่งตัว นายมาซุด กลับมาประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ผลการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่ชุดสืบสวนซึ่งประจำการอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็ยังไม่ได้รับรายงานว่าจะมีการส่งตัวผู้ต้องหากลับมาถึงประเทศไทยแต่อย่างใด