กองปราบฯ รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวฟิลิปปินส์ สารภาพมีนายทุนเช่าสำนักงานในไทยให้โทร.หลอกเหยื่อทั่วโลกทั้งยุโรป อเมริกา เอเชีย ให้ร่วมลงทุนซื้อหุ้น ตลาดตราสารหนี้
วันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธนาวุฒิ ท้วมสมบุญ ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.ชณพล วันขวัญ รอง ผกก. 4 บก.ป. และ พ.ต.ท.ตุลยวัต เมืองทอง สว.กก.4 บก.ป. แถลงการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประกอบด้วย นายอลัน ลูคัส อายุ 32 ปี นายโรแลนโด ออดตูจัน อายุ 32 ปี น.ส.โรส เพงสัน อายุ 30 ปี น.ส.ซารา เซอวิตา อายุ 29 ปี น.ส.จีเซตเต อัมบรูซิโอ อายุ 26 ปี และ น.ส.ปาเนียวา มาร์ทิเนอร์ อายุ 29 ปี ทั้งหมดเป็นชาวฟิลิปปินส์ ได้ที่ห้องเช่า 4 ชั้น เลขที่ 55/20 หมู่บ้าน “บ้านกลางเมือง” ถนนลาดพร้าว ซอย 88/1 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม.พร้อมของกลาง เครื่องโทรศัพท์ 7 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง พรินเตอร์ 1 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ 1 เล่ม กระเป๋าเอกสาร และเอกสารที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง
พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีกลุ่มบุคคลชาวต่างชาติ ได้ลอบตั้งสำนักงานภายในหมู่บ้านดังกล่าว เพื่อใช้เป็นสถานที่โทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวต่างชาติด้วยกัน ให้นำเงินมาร่วมลงทุนซื้อหุ้น หรือลงทุนในตลาดหุ้น หรือตลาดตราสารหนี้ กับทางบริษัท โปรเกรสอินเวสเม้นท์ แอลแอลซี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนหรือโบรกเกอร์ จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขออนุมัติหมายศาล เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดไว้ได้พร้อมของกลาง
สอบสวนนายอลันให้การว่า ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแก๊ง โดยเข้ามาอยู่ในประเทศไทยประมาณ 5 ปี ส่วนรายอื่นๆ เข้ามาอยู่อาศัยเป็นเวลา 1 ปี ทั้งนี้มีนายทุนจ้างให้มาทำงานโทรศัพท์หลอกลวงเหยื่อ โดยเช่าสำนักงานให้ โดยในแต่ละวันจะมีหน้าที่โทรศัพท์ไปหาลูกค้าในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อชักชวนให้ร่วมนำเงินมาลงทุนกับทางบริษัทแห่งนี้ โดยได้เงินเดือน 24,000 บาท
ทั้งนี้ ตามแนวทางการสืบสวนในเบื้องต้นพบว่าเหยื่อที่ถูกแก๊งคนร้ายรายนี้โทรศัพท์ไปหลอกลวงเป็นชาวออสเตรเลีย แต่ช่วงเวลาในแต่ละวันก็จะมีการโทรศัพท์หาเหยื่อต่างพื้นที่กันไปตามโซนเวลา ทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนขยายผลการจับกุมแล้ว ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดดำเนินคดีในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อหาฉ้อโกงเพิ่มเติมต่อไป
วันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธนาวุฒิ ท้วมสมบุญ ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.ชณพล วันขวัญ รอง ผกก. 4 บก.ป. และ พ.ต.ท.ตุลยวัต เมืองทอง สว.กก.4 บก.ป. แถลงการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประกอบด้วย นายอลัน ลูคัส อายุ 32 ปี นายโรแลนโด ออดตูจัน อายุ 32 ปี น.ส.โรส เพงสัน อายุ 30 ปี น.ส.ซารา เซอวิตา อายุ 29 ปี น.ส.จีเซตเต อัมบรูซิโอ อายุ 26 ปี และ น.ส.ปาเนียวา มาร์ทิเนอร์ อายุ 29 ปี ทั้งหมดเป็นชาวฟิลิปปินส์ ได้ที่ห้องเช่า 4 ชั้น เลขที่ 55/20 หมู่บ้าน “บ้านกลางเมือง” ถนนลาดพร้าว ซอย 88/1 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม.พร้อมของกลาง เครื่องโทรศัพท์ 7 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง พรินเตอร์ 1 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ 1 เล่ม กระเป๋าเอกสาร และเอกสารที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง
พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีกลุ่มบุคคลชาวต่างชาติ ได้ลอบตั้งสำนักงานภายในหมู่บ้านดังกล่าว เพื่อใช้เป็นสถานที่โทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวต่างชาติด้วยกัน ให้นำเงินมาร่วมลงทุนซื้อหุ้น หรือลงทุนในตลาดหุ้น หรือตลาดตราสารหนี้ กับทางบริษัท โปรเกรสอินเวสเม้นท์ แอลแอลซี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนหรือโบรกเกอร์ จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขออนุมัติหมายศาล เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดไว้ได้พร้อมของกลาง
สอบสวนนายอลันให้การว่า ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแก๊ง โดยเข้ามาอยู่ในประเทศไทยประมาณ 5 ปี ส่วนรายอื่นๆ เข้ามาอยู่อาศัยเป็นเวลา 1 ปี ทั้งนี้มีนายทุนจ้างให้มาทำงานโทรศัพท์หลอกลวงเหยื่อ โดยเช่าสำนักงานให้ โดยในแต่ละวันจะมีหน้าที่โทรศัพท์ไปหาลูกค้าในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อชักชวนให้ร่วมนำเงินมาลงทุนกับทางบริษัทแห่งนี้ โดยได้เงินเดือน 24,000 บาท
ทั้งนี้ ตามแนวทางการสืบสวนในเบื้องต้นพบว่าเหยื่อที่ถูกแก๊งคนร้ายรายนี้โทรศัพท์ไปหลอกลวงเป็นชาวออสเตรเลีย แต่ช่วงเวลาในแต่ละวันก็จะมีการโทรศัพท์หาเหยื่อต่างพื้นที่กันไปตามโซนเวลา ทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนขยายผลการจับกุมแล้ว ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดดำเนินคดีในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อหาฉ้อโกงเพิ่มเติมต่อไป
