xs
xsm
sm
md
lg

คาดตลาดบอนด์ครึ่งหลังคึกคัก ของใหม่จ่อระดมทุนอีกกว่า2แสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ตลาดตราสารหนี้ครึ่งปีหลัง ยังแจ่ม หลังรับแรงหนุนปัจจัยหลายด้าน คาดตราสารหนี้เตรียมจ่อขายอีกเกือบ 2 แสนล้านบาท ขณะที่หุ้นกู้เล็งขายเพิ่มอีกประมาณ 1.3 แสนล้านบาท

รายงานจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ช่วงที่เหลือของปี 2554 คาดว่าจะชะลอตัวลงจากปี 2553 ที่ผ่านมา เนื่องจากว่า สถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จังหวะเวลาของการฟื้นตัวอาจจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้ากว่าที่คาด การแก้ปัญหาหนี้ภาครัฐ ทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ อาจจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความเปราะบาง

แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในประเทศโดยเฉพาะความชัดเจนด้านการเมืองที่มีมากขึ้นตามลำดับ หลังจากการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 และภาคส่งออกที่ยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง ตลอดจนการฟื้นตัวของภาคการผลิตที่สายการผลิตมีความเชื่อมโยงกับญี่ปุ่น จะเป็นปัจจัยช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีต่อเนื่องถึงปีหน้า ซึ่งก็น่าจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการในการระดุมทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนผ่านตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับภาคธุรกิจที่มีแผนการลงทุนชัดเจนหรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาขยายกำลังการผลิต

สำหรับแนวโน้มอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ น่าจะยังอยู่ในวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ถูกคาดหมายว่ายังมีแนวโน้มปรับขึ้น เพื่อดูแลความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ยังมีโอกาสที่จะเร่งตัวสูงขึ้น อันเป็นผลจากปัจจัยผลักดันทั้งจากด้านอุปสงค์ตามความต่อเนื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนด้านอุปทานจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง ตลอดจนด้านการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะข้างหน้า ส่วนหนึ่งจากความคาดหวังต่อการดำเนินนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านหลายมาตรการที่อาจมีผลต่อรายได้ ระดับราคาสินค้า ต้นทุนการผลิต และเงินเฟ้อ โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ

อย่างไรก็ดี หาก กนง.ยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อดูแลเสถียรภาพเงินเฟ้อตามที่ตลาดคาด ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของไทยและอัตราดอกเบี้ยของประเทศตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่น่าจะปรับตัวกว้างขึ้นอีก คงจะทำให้การเข้าซื้อตราสารหนี้ไทยจากนักลงทุนต่างชาติยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง

สำหรับปริมาณการเสนอขายพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนในช่วงที่เหลือของปีนี้ น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงครึ่งแรก แต่อาจจะน้อยลงเมื่อเทียบกับปีก่อน คาดว่า ปริมาณการเสนอขายพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนในช่วงที่เหลือของปี 2554 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.8-2.0 และ 1.2-1.3 แสนล้านบาท ตามลำดับ และส่งผลให้ปริมาณเสนอขายทั้งปี 2554 สำหรับพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.5-4.7 และ 2.4-2.5 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเพื่อต่ออายุพันธบัตรและหุ้นกู้ที่ครบกำหนด ตามลำดับ

โดยภาคเอกชนที่คาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ น่าจะนำโดยธุรกิจที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตในระดับสูง รวมถึง กลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ บริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ในกลุ่มธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี รวมถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดว่าเป็นกลุ่มหลักในการเสนอขายหุ้นกู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ถึงปีหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในเกณฑ์ดี

ในส่วนของพันธบัตรรัฐบาลนั้น คงจะต้องติดตามรายละเอียดของกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายและการขาดดุลในงบประมาณ 2555 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ซึ่งอาจจะมีผลต่อปริมาณการเสนอขายพันธบัตรรัฐบาลให้มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดได้
กำลังโหลดความคิดเห็น