xs
xsm
sm
md
lg

“ป๋าลอ” ซัดซ้ำทีมอุ้ม “อัลรูไวลี” ล้วนอดีตลูกน้อง “เชอร์ล็อกนู”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แฟ้มภาพ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีต ผบช.ประจำ ตร.
“ป๋าลอ” ตอบถามค้านทนายจำเลยคดีอุ้ม “อัลรูไวลี” ยันสอบพบนักธุรกิจซาอุฯถูก ตร.อุ้มสอบจนเสียชีวิต ก่อนนำศพไปทำลาย แต่เหตุไม่เผยผลสอบ เพราะถูก อ.ตร.เบรก ซัดผู้ใต้บังคับบัญชา “เชอร์ล็อกนู” พล.ต.ท.ธนู หอมหวล อุ้มฆ่าอัลรูไวลี

วันนี้ (6 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์สืบพยานโจทก์ คดีหมายดำ อ.119/2553 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ เป็นโจทก์ ฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 พ.ต.อ.สรรักษ์ หรือ สมชาย จูสนิท ผกก.สภ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน พ.ต.อ. ประภาส ปิยะมงคล ผกก.สภ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี และ จ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง ตำรวจ นอกราชการ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และเพื่อปกปิดการกระทำความผิดอื่นของตน และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา กรณีที่จำเลยทั้งห้าร่วมกันอุ้มฆ่า นายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ก่อนนำศพไปเผาทำลายที่ไร่ในท้องที่ ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เหตุเกิดระหว่างวันที่ 12-15 ก.พ.33

นัดนี้ ทนายความจำเลยถามค้าน พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผบช.ประจำ ตร.ผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาคดีฆ่า นางดาราวดี และ ด.ช.เสรี ภรรยา และลูก นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ พยานสำคัญคดีเพชรซาอุฯ หลังจากที่ พล.ต.ท.ชลอ เบิกความเป็นพยานโจทก์ไว้เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดย พล.ต.ท.ชลอ เบิกความว่า ได้รับการติดต่อจาก พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีต รมว.ยุติธรรม เข้าสอบสวนตนขณะถูกขังอยู่ในเรือนจำ เมื่อช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.51 รวม 2 ครั้ง ทั้งนี้ ได้ให้การกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ตามที่เคยให้การไว้กับพนักงานสอบสวนในคดีการหายตัวไปของนายอัลรูไวลี่ เมื่อวันที่ 1 ม.ค.36

สำหรับประเด็นการโต้เถียงกันในห้องประชุมของ พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อธิบดีกรมตำรวจ ระหว่าง พล.ต.ท.ธนู หอมหวล ผบช.ก.ในขณะนั้น กับ พล.ต.ต.ทวี ทิพยรัตน์ นั้นความจริงแล้วควรเป็นเรื่องความลับ เพราะหากนำไปเผยแพร่ข้างนอก เกรงว่า จะผิดต่อกฎหมาย ตนจึงไม่เคยบอกเรื่องดังกล่าวให้ใครทราบ กระทั่งต้องให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเมื่อปี 2536 นอกจากนี้ตนยอมรับว่ารู้จักกับ พ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก ซึ่งเชื่อว่า รู้เรื่องการอุ้มฆ่านายอัลรูไวลี แต่หลังจาก พ.ต.ท.สุวิชัย มีคดีความก็ไม่ได้มีการปรึกษาคดีใดๆ กับตนอีก

พล.ต.ท.ชลอ เบิกความว่า หลังมีข่าวการหายตัวไปของ นายอัลรูไวลี ตนได้ทำหนังสือถึงทางการซาอุฯ ให้ช่วยเหลือออกจากเรือนจำ เพราะสามารถออกไปสืบสวนจับกุมคนร้ายคดีดังกล่าวได้ ส่วนเหตุที่ตนถูกจับกุมคุมขังตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบัน เชื่อว่า ถูก พล.ต.ท.ธนู หอมหวล กลั่นแกล้งเนื่องจากเป็นคู่แข่งในการแย่งชิงตำแหน่ง ผบช.ก.แต่เหตุที่ตนไม่เปิดเผยผลการสอบสวนทั้งที่ทราบว่าจำเลยที่ 1 กับพวกซึ่งเป็นตำรวจภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ท.ธนู เป็นทีมอุ้มนายอัลรูไวลี ไปสอบสวนจนเสียชีวิต ก่อนนำศพไปทำลายทิ้ง เนื่องจาก ถูก พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อธิบดีกรมตำรวจ สั่งให้หยุดการสอบสวนอีกทั้งพิจารณาแล้วว่าตนไม่มีทางสู้ พล.ต.ท.ธนู ได้

ต่อมาเวลา 13.30 น.ศาลนัดสืบพยานโจทก์ต่อ โดยอัยการโจทก์ นำ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าเบิกความว่าเข้ามาร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนในคดีฆ่านักการทูตซาอุ คดีเพชรซาอุ และการหายตัวไปของนาย อัลรูไวลี่ ตั้งแต่ปี 2547-2551 โดยในปี 2551 นั้น ตนรับผิดชอบในคดีฆ่านักการทูตซาอุฯเป็นหลัก เนื่องจากรัฐบาลในขณะนั้นต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างซาอุฯ กับไทย จึงมีการโอนคดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดีเอสไอ ภายหลังโอนคดีพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ เมื่อปี 2547 ได้นำสำนวนการสอบสวนของตำรวจไปวิเคราะห์พยานหลักฐานเดิม ทั้งพยานบุคคล และวัตถุพยาน พบว่าเห็นควรนำตัว พ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก ไปสอบสวนใหม่อีกครั้ง แต่การติดตามตัว พ.ต.ท.สุวิชัย เป็นไปด้วยความยากลำบาก

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ เบิกความว่าในที่สุดสามารถติดตาม พ.ต.ท.สุวิชัย ไปพบ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดี ดีเอสไอได้แต่ พ.ต.ท.สุวิชัย ปฏิเสธจะให้การในลักษณะบันทึก หรือสอบปากคำ แต่เป็นลักษณะของการพูดคุยกัน โดยทาง ดีเอสไอ แอบบันทึกภาพไว้โดย พ.ต.ท.สุวิชัยไม่รู้ตัว ในการพูดคุย มีเพียง พล.ต.อ.สมบัติ เป็นผู้สอบถามเท่านั้น โดยเนื้อหาเป็นการพูดคุยเรื่องการหายตัวไปของ นายอัลรูไวลี่ จากบันทึกถอดคำพูดของ พ.ต.ท.สุวิชัย มีตอนหนึ่ง พ.ต.ท.สุวิชัย ระบุว่า “คดีของพี่คิดจบไปแล้วจะทำอะไรกันอีก” ตามความคิดตนเชื่อว่า พ.ต.ท.สุวิชัย สงสัยนอกจากนี้ ยังมีข้อความ ที่ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า “อัลรูไวลี เป็นคนร้องขอให้ยิงที่หัวจะได้ไม่ทรมานมาก” แต่ไม่มีการยืนยันว่าใครเป็นคนยิง กระทั่ง พล.ต.อ.สมบัติ ถามว่า “จะมีใครยืนยันว่า นายอัลรูไวลี่ เสียชีวิตไปแล้ว” พ.ต.ท.สุวิชัย กล่าวว่า “ผมสิ แต่ผมต้องหลุดคดีก่อนนะ” ข้อความนี้ตนเข้าใจว่าพ.ต.ท.สุวิชัย ต้องการต่อรองให้ช่วยเหลือในคดีที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่น ภายหลังทางดีเอสไอ ได้มีการประสานให้อัยการยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อขอให้มีคำสั่งว่า นายอัลรูไวลี เป็นบุคคลสาบสูญ แต่ศาลยกคำร้องส่วนสาเหตุที่ยื่นคำร้องดังกล่าวตนไม่ทราบ เนื่องจากไม่ได้รับผิดชอบคดีดังกล่าวอีก

ภายหลังพยานเบิกความแล้วเสร็จ ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดต่อไป วันที่ 7 ก.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น