จำคุกตลอดชีวิต “ตี๋ปืนดุ” รัวปืน 6 นัด กระหน่ำยิงอริดับคาลานจอดรถอาร์ซีเอ อ้างชำระแค้นหลังโดนอุ้มไปรีดทรัพย์ ส่วนเพื่อนสนิทโดนข้อหาจ้างวานปลอมเอกสารจำคุก 42 ปี 4 เดือน
วันนี้ (18 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 814 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสิทธิศักดิ์ หรือตี๋ ไชยแสนสวด กับ นายนิพนธ์ หรืออ๊อฟ ปานพรม เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พ.ร.บ.อาวุธปืน, พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท, ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม
ทั้งนี้ คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 29 มี.ค.53 บรรยายสรุปว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 53 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยทั้งสอง ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนพกขนาด .38 ไม่มีทะเบียน ยิงนายธงชัย พุทธรัตน์ จำนวน 6 นัดจนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป อันเป็นการประทุษร้ายโดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถอาร์ซีเอ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมจำเลยได้ทั้งหมด โดยจำเลยที่ 1 ยังได้มีคีตามีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของคีตามีน หรือยาเค 1 ซอง น้ำหนักสุทธิ 0.317 กรัม ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำเลยที่ 2 ได้ทำปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์, แผ่นป้ายเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปี 2553 โดยจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เฉพาะความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ส่วนจำเลยที่ 2 ได้รับสารภาพในชั้นสอบสวน แต่กลับคำให้การขอปฏิเสธต่อสู้คดีในชั้นพิจารณา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีพยานผู้เห็นเหตุการณ์จำนวน 3 ปาก เบิกความโดยละเอียดตั้งแต่เห็นพวกจำเลยขับรถฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว มาจอดบริเวณจุดเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ได้ลงจากรถ พร้อมกับชักอาวุธปืนมายิงผู้ตายจากทางด้านหลังจำนวน 6 นัด ก่อนจะวิ่งหลบหนีไปโดยปล่อยให้รถยนต์ของจำเลยที่ 2 จอดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนจับกุม จำเลยทั้งคู่จากรถคันดังกล่าวในเวลาต่อมา ข้อต่อสู้ที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายให้รับสารภาพ รวมทั้งข้ออ้างที่ว่ารถฮอนด้า แจ๊ซ นั้นเป็นของแฟนจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ ฟังไม่ขึ้น แต่ในส่วนของความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น โจทก์ไม่ได้นำสืบว่ามีการเตรียมการอย่างไร จึงเชื่อว่าจำเลยคงกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นเท่านั้น การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยทั้งสอง พิพากษา ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็นข้อหาหนักที่สุด ให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานจ้างวาน และสนับสนุน รวมทั้งปลอมเอกสารราชการ พ.ร.บ.อาวุธปืน รวมโทษจำคุก 42 ปี 4 เดือน ให้ร่วมกันชดใช้เงิน จำนวน 3 แสนบาท แก่ภรรยาของผู้เสียชีวิต ริบของกลางอาวุธปืนและเอกสารปลอมทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้เคยเป็นข่าวดังครึกโครมเมื่อต้นปี 2553 เนื่องมาจากในชั้นจับกุมจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพว่าจำเลยที่ 2 ถูกผู้ตายกับพวกแอบอ้างเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติดอุ้มตัวไปรีดเงินจำนวน 3 แสนบาท ทำให้เจ็บแค้นกระทั่งมาพบผู้ตายในผับดังย่านอาร์ซีเอ จึงชักชวนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเสียชีวิตดังกล่าว