เลขาฯ ศาลยุติธรรม ย้ำพร้อมรับมือคดียึดทรัพย์ “แม้ว” เตรียมกั้นรั้วเหล็ก ติดกล้องวงจรปิดรอบศาลฎีกา ขณะที่ทนายความไม่ยืนยัน “หญิงอ้อ-โอ๊ค-เอม” มาร่วมฟังคำตัดสินหรือไม่ ด้าน “นพเหล่” เผยนายใหญ่รอฟังข่าวที่ดูไบ พร้อมออกโรงจ้อหน้าจอหลังรู้ชะตากรรม
วันนี้ (25 ก.พ.) นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่าถึงการเตรียมความพร้อมก่อนนัดอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท อันได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ 26 ก.พ. เวลา 13.30 น. ว่า จนถึงวันนี้ถือว่าเจ้าหน้าของศาลยุติธรรม และศาลฎีกาทุกคนพร้อมเต็มที่ในการรับมือต่อทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าน่าจะไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้นได้กำชับให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้มงวดตรวจสอบบุคคลเข้าออก โดยในวันพรุ่งนี้จะเปิดให้คู่ความ ผู้มาสังเกตการณ์และสื่อมวลชน เข้ามาภายในบริเวณศาลฎีกาทางประตูด้านถนนหน้าหับเผยเพียงฝั่งเดียว เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบและดูแลความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการกั้นรั้วเหล็กโดยรอบอาคารศาลฎีกา และติดตั้งกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณ ส่วนจะต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเข้ามาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยมากน้อยเพียงใดเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ด้าน นายสมพร พงษ์สุวรรณ ทนายความคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการนัดฟังคำพิพากษาคดีว่า เวลานี้คุณหญิงพจมานยังคงพักอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่ได้คุยกันชัดเจนว่าวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปศาลหรือไม่ แต่เท่าที่ได้พูดคุยกับคุณหญิงพจมานก็ยังสบายๆ
ส่วนมาตรการทางกฎหมายการบังคับคดีและแนวทางการยื่นอุทธรณ์เป็นอย่างไร หากศาลมีพิพากษาให้ยึดทรัพย์ทั้งหมด หรือบางส่วนนั้น นายสมพรกล่าวว่า ขณะนี้ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะต้องรอฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า จะเป็นอย่างไร หากจะสั่งยึดทรัพย์ จะยึดของใครบ้าง จำนวนเท่าใด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคุณหญิงพจมานมีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีทรัพย์ประมาณ 2,000 ล้าน
ด้าน นายกิตติพร อรุณรัตน์ ทนายความนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าทั้งสองจะเดินทางไปศาลไปฟังคำพิพากษาเองหรือไม่ ซึ่งทั้งสองไม่ได้หวั่นวิตกอะไร โดยช่วงแรกๆ คู่ความอาจจะรู้สึกเครียด ต้องอดทนกับการเตรียมตัวสู้คดีเพราะที่ผ่านมาการฟ้องคดีใช้เวลานับตั้งแต่ คตส.อายัดทรัพย์ไว้ ปี 50 ก็ใช้เวลาร่วม 2 ปี ในการนำพยานหลักฐานแก้ต่างข้อกล่าวหาอย่างเต็มที่ ด้วยสติปัญญาและความสามารถที่มีอยู่ แต่เวลานี้น่าจะเลยจุดนั้นมาแล้ว ซึ่งวันนี้ขอเพียงรอฟังคำตัดสินว่าจะออกมาเช่นไรให้รู้ผลแบบรู้ดำรู้แดงไปเลย
ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คอยติดตามข่าวสาร และรอฟังคำพิพากษาอยู่ที่นครดูไบ ซึ่งในวันพรุ่งนี้เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว เวลา 20.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงจะพูดคุยออกอากาศผ่านรายการทอล์ก อะราวด์ เดอะ เวิลด์ ส่วนการออกแถลงการณ์ น่าจะมีในวันรุ่งขึ้น ส่วนคุณหญิงพจมาน และนายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะเดินทางมาศาลฟังคำพิพากษาหรือไม่
ตร.เชื่อรับมือม็อบแดงได้
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. กล่าวถึงการดูแลความเรียบร้อยในวันพรุ่งนี้ (26 ก.พ.) ซึ่งจะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ถึงตอนนี้ ยังเชื่อมั่น ว่าจะไม่เหตุการณ์ความรุนแรงหรือความวุ่นวายอะไรเกิดขึ้น เราพร้อมทั้งทางด้านกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทางด้านการข่าวก็ยังไม่พบว่ามีความรุนแรงใดๆ ซึ่งเราได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงอยู่ตลอดทั้งเรื่องการชุมนุมใหญ่ที่เลื่อนออกไป เป็นวันที่ 12 มี.ค. ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและประเมินสถานการณ์เป็นระยะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่ากลุ่มที่ไม่พอใจคำตัดสินจะมีการสร้างสถานการณ์ ยิงระเบิดเอ็ม 79 เหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ถึงตอนนี้เรายังใช้มาตรการเข้ม 100 เปอร์เซ็นต์ ในการดูแลความเรียบร้อยตามมาตรการที่วางเอาไว้ คือ การตั้งด่านตรวจ การออกตรวจและด้านการข่าว ซึ่งจะใช้มาตรการเข้มไปตลอด แม้จะหลังวันที่ 26 ก.พ.นี้ก็ตาม แต่ยังไม่รู้ว่าจะใช้มาตรการเข้ม 100 เปอร์เซ็นต์ไปถึงวันไหน ซึ่งขณะนี้ก็เป็นห่วงกำลังของกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่เริ่มเหนื่อยล้า เพราะต้องทำงานหมุนเวียนโรงพักและดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งตรงนี้ต้องประเมินสถานการณ์ หากกำลังของ บช.น.ไม่เพียงพอ ก็จะนำกำลังของภูธร และของกทม.มาช่วยเสริมการทำงาน
ต่อข้อถามที่ว่ามีการจับตาความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะมีการแถลงข่าวหรือเคลื่อนไหวผ่านช่องทางต่างๆ หลังมีคำตัดสินหรือไม่ รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้จัดชุดเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่แล้ว ว่าจะพูดหรือทำอะไรหลังมีคำตัดสินของศาล ซึ่งหลายหน่วยได้จัดไว้ ไม่ว่าจะเป็น กอ.รมน. ทหาร สันติบาล ก็ต้องดูว่ามีการพูดพาดพิงถึงใครหรือปลุกระดมมวลชนหรือไม่อย่างไร เป็นหน้าที่ที่ตำรวจต้องทำอยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะรอง ผอ.ศปก.ตร. กล่าวว่า ในวันพรุ่งนื้ ตร.จะใช้แผน กรกฎ 52 ในการดูแลความสงบเรียบร้อยทั้งหมด สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่มีอะไรรุนแรงคาดว่าในวันพรุ่งนี้จะสงบ และได้สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศไม่เฉพาะ 38 จังหวัดเป้าหมาย เฝ้าฟัง สถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ โดยตลอดรวมทั้งสถานการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางสันติบาลได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเดินตรวจในรัศมี 300-400 เมตร รอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อป้องกันคนร้ายหรือผู้ไม่หวังดียิงอาวุธวิถีโค้งเข้ามาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อหวังสร้างสถานการณ์ก่อนการอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ และให้หน่วยข่าวของสันติบาลประเมินด้านการข่าวชั่วโมงต่อชั่วโมงหวั่นเกิดเหตุร้ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การข่าวสันติบาลยังไม่พบว่าจะมีการก่อเหตุรุนแรงอะไรในช่วงคืนนี้จนถึงวันพรุ่งนี้
วันนี้ (25 ก.พ.) นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่าถึงการเตรียมความพร้อมก่อนนัดอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท อันได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ 26 ก.พ. เวลา 13.30 น. ว่า จนถึงวันนี้ถือว่าเจ้าหน้าของศาลยุติธรรม และศาลฎีกาทุกคนพร้อมเต็มที่ในการรับมือต่อทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าน่าจะไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้นได้กำชับให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้มงวดตรวจสอบบุคคลเข้าออก โดยในวันพรุ่งนี้จะเปิดให้คู่ความ ผู้มาสังเกตการณ์และสื่อมวลชน เข้ามาภายในบริเวณศาลฎีกาทางประตูด้านถนนหน้าหับเผยเพียงฝั่งเดียว เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบและดูแลความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการกั้นรั้วเหล็กโดยรอบอาคารศาลฎีกา และติดตั้งกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณ ส่วนจะต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเข้ามาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยมากน้อยเพียงใดเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ด้าน นายสมพร พงษ์สุวรรณ ทนายความคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการนัดฟังคำพิพากษาคดีว่า เวลานี้คุณหญิงพจมานยังคงพักอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่ได้คุยกันชัดเจนว่าวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปศาลหรือไม่ แต่เท่าที่ได้พูดคุยกับคุณหญิงพจมานก็ยังสบายๆ
ส่วนมาตรการทางกฎหมายการบังคับคดีและแนวทางการยื่นอุทธรณ์เป็นอย่างไร หากศาลมีพิพากษาให้ยึดทรัพย์ทั้งหมด หรือบางส่วนนั้น นายสมพรกล่าวว่า ขณะนี้ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะต้องรอฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า จะเป็นอย่างไร หากจะสั่งยึดทรัพย์ จะยึดของใครบ้าง จำนวนเท่าใด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคุณหญิงพจมานมีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีทรัพย์ประมาณ 2,000 ล้าน
ด้าน นายกิตติพร อรุณรัตน์ ทนายความนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าทั้งสองจะเดินทางไปศาลไปฟังคำพิพากษาเองหรือไม่ ซึ่งทั้งสองไม่ได้หวั่นวิตกอะไร โดยช่วงแรกๆ คู่ความอาจจะรู้สึกเครียด ต้องอดทนกับการเตรียมตัวสู้คดีเพราะที่ผ่านมาการฟ้องคดีใช้เวลานับตั้งแต่ คตส.อายัดทรัพย์ไว้ ปี 50 ก็ใช้เวลาร่วม 2 ปี ในการนำพยานหลักฐานแก้ต่างข้อกล่าวหาอย่างเต็มที่ ด้วยสติปัญญาและความสามารถที่มีอยู่ แต่เวลานี้น่าจะเลยจุดนั้นมาแล้ว ซึ่งวันนี้ขอเพียงรอฟังคำตัดสินว่าจะออกมาเช่นไรให้รู้ผลแบบรู้ดำรู้แดงไปเลย
ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คอยติดตามข่าวสาร และรอฟังคำพิพากษาอยู่ที่นครดูไบ ซึ่งในวันพรุ่งนี้เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว เวลา 20.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงจะพูดคุยออกอากาศผ่านรายการทอล์ก อะราวด์ เดอะ เวิลด์ ส่วนการออกแถลงการณ์ น่าจะมีในวันรุ่งขึ้น ส่วนคุณหญิงพจมาน และนายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะเดินทางมาศาลฟังคำพิพากษาหรือไม่
ตร.เชื่อรับมือม็อบแดงได้
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. กล่าวถึงการดูแลความเรียบร้อยในวันพรุ่งนี้ (26 ก.พ.) ซึ่งจะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ถึงตอนนี้ ยังเชื่อมั่น ว่าจะไม่เหตุการณ์ความรุนแรงหรือความวุ่นวายอะไรเกิดขึ้น เราพร้อมทั้งทางด้านกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทางด้านการข่าวก็ยังไม่พบว่ามีความรุนแรงใดๆ ซึ่งเราได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงอยู่ตลอดทั้งเรื่องการชุมนุมใหญ่ที่เลื่อนออกไป เป็นวันที่ 12 มี.ค. ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและประเมินสถานการณ์เป็นระยะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่ากลุ่มที่ไม่พอใจคำตัดสินจะมีการสร้างสถานการณ์ ยิงระเบิดเอ็ม 79 เหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ถึงตอนนี้เรายังใช้มาตรการเข้ม 100 เปอร์เซ็นต์ ในการดูแลความเรียบร้อยตามมาตรการที่วางเอาไว้ คือ การตั้งด่านตรวจ การออกตรวจและด้านการข่าว ซึ่งจะใช้มาตรการเข้มไปตลอด แม้จะหลังวันที่ 26 ก.พ.นี้ก็ตาม แต่ยังไม่รู้ว่าจะใช้มาตรการเข้ม 100 เปอร์เซ็นต์ไปถึงวันไหน ซึ่งขณะนี้ก็เป็นห่วงกำลังของกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่เริ่มเหนื่อยล้า เพราะต้องทำงานหมุนเวียนโรงพักและดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งตรงนี้ต้องประเมินสถานการณ์ หากกำลังของ บช.น.ไม่เพียงพอ ก็จะนำกำลังของภูธร และของกทม.มาช่วยเสริมการทำงาน
ต่อข้อถามที่ว่ามีการจับตาความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะมีการแถลงข่าวหรือเคลื่อนไหวผ่านช่องทางต่างๆ หลังมีคำตัดสินหรือไม่ รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้จัดชุดเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่แล้ว ว่าจะพูดหรือทำอะไรหลังมีคำตัดสินของศาล ซึ่งหลายหน่วยได้จัดไว้ ไม่ว่าจะเป็น กอ.รมน. ทหาร สันติบาล ก็ต้องดูว่ามีการพูดพาดพิงถึงใครหรือปลุกระดมมวลชนหรือไม่อย่างไร เป็นหน้าที่ที่ตำรวจต้องทำอยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะรอง ผอ.ศปก.ตร. กล่าวว่า ในวันพรุ่งนื้ ตร.จะใช้แผน กรกฎ 52 ในการดูแลความสงบเรียบร้อยทั้งหมด สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่มีอะไรรุนแรงคาดว่าในวันพรุ่งนี้จะสงบ และได้สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศไม่เฉพาะ 38 จังหวัดเป้าหมาย เฝ้าฟัง สถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ โดยตลอดรวมทั้งสถานการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางสันติบาลได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเดินตรวจในรัศมี 300-400 เมตร รอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อป้องกันคนร้ายหรือผู้ไม่หวังดียิงอาวุธวิถีโค้งเข้ามาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อหวังสร้างสถานการณ์ก่อนการอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ และให้หน่วยข่าวของสันติบาลประเมินด้านการข่าวชั่วโมงต่อชั่วโมงหวั่นเกิดเหตุร้ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การข่าวสันติบาลยังไม่พบว่าจะมีการก่อเหตุรุนแรงอะไรในช่วงคืนนี้จนถึงวันพรุ่งนี้
