ศาลยกคำร้อง “พานทองแท้-พินทองทา” ยื่นร้อง คตส.หยุดให้ข่าวคดียึดทรัพย์พ่อบังเกิดเกล้า 7.6 หมื่นล้าน องค์คณะศาลชี้คำร้องของผู้คัดค้านยังไม่เข้าด้วยองค์ประกอบที่จะให้ศาลออกข้อกำหนดห้ามมิให้สัมภาษณ์ได้จึงยกคำร้อง ส่วนความพร้อมรับม็อบวันพิพิพากษา ประสาน ตร.ดูแล ส่วนจะเข้มงวดเพียงใดให้ฝ่ายปกครองประเมินอีกครั้ง ส่วน 9 องค์คณะเชื่อศาลไม่หวั่นเผยเคยสภาวะกดดันมามาก
วันนี้ ( 12 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล เลขานุการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แถลงว่า ภายหลังนายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา พร้อมองค์คณะทั้ง 9 คน ในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อันได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน พิจารณาคำร้องของ นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว ในฐานะผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ บุคคลที่เคยเป็นคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)ให้ข้อมูลข่าวสารต่อสื่อมวลชนในลักษณะเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ไม่ถูกต้องเพื่อชี้นำสังคมให้เข้าใจผิดต่อข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอันส่งผลต่อภาพลักษณ์บิดาผู้คัดค้านและอาจส่งผลกระทบต่อรูปคดีจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดเพื่อมิให้มีการนำไปใช้เป็นข้อมูลในการเผยแพร่แก่ประชาชนให้เข้าใจผิด เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
โดยองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ได้พิจารณาข้อความที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และ นสพ.มติชน แล้วเห็นว่าคำร้องของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.30 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ม.18 วรรค 2 ที่ศาลจะออกข้อกำหนดใดๆเพื่อห้ามมิให้บุคคลตามคำร้องให้ข้อมูลข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็นทางข้อกฎหมายตามคำขอในคำร้อง จึงให้ยกคำร้อง และแจ้งคำสั่งให้คู่ความทั้งสองทราบ
นายอนุรักษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ส.ค.52 พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ถูกกล่าวหาคดีนี้ ก็เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้ คตส.ให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ มีลักษณะคล้ายกับคำร้องของ นายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา มาแล้ว โดยองค์คณะผู้พิพากษามีคำสั่งเมื่อวันที่ 13 ส.ค.52 ให้ยกคำร้องโดยให้เหตุผลทำนองเดียวกับคำสั่งในวันนี้
นายอนุรักษ์ กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในบริเวณศาลฎีกา ที่มีกำหนดนัดอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ในวันที่ 26 ก.พ. นี้ ว่า ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลตามปกติ ซึ่งศาลเองก็มีกฎระเบียบในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในบริเวณศาลอยู่แล้ว ส่วนประชาชนที่จะมาร่วมสังเกตการณ์ก็คงพอจะทราบข้อปฏิบัติ ว่าต้องอยู่ในความสงบ แต่งกายสุภาพ และไม่พกอาวุธมาเข้ามาซึ่งจะเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล แต่มาตรการรักษาความปลอดภัยจะมีความเข้มข้นเพียงใดขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะประเมินสถานการณ์และจัดเตรียมมาตรการและจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยดูแล ศาลเองคงไม่ไปกำหนด
“ สำหรับองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ก็มีการดูแลตามปกติ ศาลทำงานอย่างมืออาชีพ แต่ละท่านมีประสบการณ์ทำงานมากว่า 30 ปี ผ่านสภาวะการณ์มามากมาย คงไม่หวั่นไหวหรือกังวลในการทำหน้าที่ ” นายอนุรักษ์ กล่าว
เมื่อถามว่าหากมีเหตุที่จะทำให้องค์คณะผู้พิพากษาไม่ครบ 9 คนตามข้อกฎหมายแล้ว จะสามารถตัดสินคดีได้หรือไม่ นายอนุรักษ์ กล่าวปฎิเสธที่จะตอบคำถามโดยกล่าวเพียงว่า ไม่สามารถที่จะเข้าไปก้าวล่วงข้อกฎหมายที่องค์คณะจะต้องพิจารณาได้ ตนเองได้รับมอบหมายให้แถลงเกี่ยวกับคำสั่งยกคำร้องเท่านั้น