xs
xsm
sm
md
lg

ตร.รื้อแฟ้มคดี “วิกเตอร์ บูต” หาหลักฐานเอี่ยวเครื่องบินขนอาวุธสงครามหรือไม่

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ท่อส่งจรวดที่เป็นอาวุธสงคราม จะนำไปใช้ประกอบแท่นยิงและติดตั้งไว้หลังรถสิบล้อ หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่อให้สามารถใช้งานได้
จนท.เร่งตรวจสอบอาวุธสงครามล็อตใหญ่ที่ยึดได้จากเครื่องบินคาซัคสถาน เผยอาวุธหัวจรวด เครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี ถูกแยกเก็บในลังไม้และกล่องเหล็กอย่างดี ยันไม่พบปืนกลหรืออาวุธร้ายแรงประเภทนิวเคลียร์ ด้านตำรวจรื้อแฟ้มเช็กข้อมูล “วิกเตอร์ บูต” พ่อค้าอาวุธรัสเซีย เกี่ยวข้องคดีนี้หรือไม่

วานนี้ (15 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ยึดอาวุธสงคราม จากเครื่องบินลำเลียง รุ่น IL76 (อิลยูชิน 76) สีขาว สัญชาติคาซัคสถาน ขณะขออนุญาตลงจอดที่คลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมืองว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้เข้าร่วมกันตรวจสอบอาวุธสงครามของกลางทั้งหมด ที่ถูกนำไปเก็บไว้ที่คลังสรรพาวุธ กองบิน 4 กองทัพอากาศ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบอาวุธสงครามทั้งหมดที่ยึดมาได้นั้นพบว่า ทั้งหมดเป็นเครื่องยิงจรวด รุ่น 240 mm. ROCKET LAUNCHER 1985 (M1985) จำนวน 2 ชุดๆ ละ 12 ท่อ รวมแล้ว 24 ท่อ รวมทั้งหัวจรวดอีกประมาณ 40 หัว แท่นเหล็กที่ไว้สำหรับประกอบท่อส่งจรวด และเครื่องยิงลูกระเบิดอาร์พีจีอีกหลายร้อยกระบอก ทั้งหมดได้มีการแยกส่วนประกอบเก็บไว้ในลังไม้ กล่องเหล็กขนาดต่างๆ รวมทั้งสิ้น 145 กล่อง

สำหรับอาวุธสงครามประเภทนี้ต้องประกอบท่อทั้งหมดเข้ากับแท่นยิงและนำไปติดตั้งไว้หลังรถสิบล้อ หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทั้งนี้ ในจำนวนอาวุธสงครามร้ายแรงที่ยึดมาทั้งหมดนั้น เจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันตรวจสอบยืนยันว่าไม่มีอาวุธประเภทปืนกล และไม่มีอาวุธสงครามทำลายล้างสูงประเภทนิวเคลียร์ หรืออาวุธชีวภาพแต่อย่างใด ภายหลังการตรวจสอบของกลางทั้งหมดแล้ว ทางพนักงานสอบสวนได้ทำบันทึกของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวน ส่วนขั้นตอนการดำเนินการต่อไปนั้นทางพนักงานสอบสวนจะได้ทำรายงานคดีตั้งแต่เริ่มต้น ผลการตรวจของกลาง และการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเสนอต่ออัยการสูงสุดพิจารณาอีกครั้ง

ส่วนขั้นตอนต่อไปนั้น พนักงานสอบสวนจะมีการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ของทหารอากาศ เจ้าหน้าที่ศุลกากร และเจ้าหน้าที่วิทยุการบิน รวมแล้วประมาณ 10 ปาก โดยเฉพาะการสอบปากคำเจ้าหน้าที่วิทยุการบิน เจ้าหน้าที่ประจำหอควบคุมการจราจรทางอากาศนั้น ก็จะเป็นการตรวจสอบเส้นทางการบินของเครื่องบินลำนี้ ตั้งแต่เมื่อนำเครื่องเข้าสู่น่านฟ้าไทย การขออนุญาตลงจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมือง การแจ้งวัตถุประสงค์ในการลงจอด การแจ้งประเทศที่เดินทางมา ประเทศที่จะเดินทางไป รวมทั้งตรวจสอบเอกสารใบแจ้งแสดงรายละเอียดของสินค้าที่ลำเลียงมา หรือใบอินวอยด์ที่กลุ่มผู้ต้องหาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่าเป็นอุปกรณ์ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลอย่างละเอียดอีกครั้ง

นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนยังได้รื้อแฟ้มคดีนายวิกเตอร์ บูต พ่อค้าอาวุธชาวรัสเซีย ซึ่งเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกาประสานตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวมาได้เมื่อวันที่ 6 มี.ค.2551 เพื่อนำข้อมูลมาตรวจสอบว่าทางการสืบสวน มีข้อมูลที่เชื่อมโยงกับคดีนี้หรือไม่ หากพบว่าเกี่ยวข้องก็จะนำเรื่องเข้าหารือกับอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณากันอีกครั้ง

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบินและเส้นทางการบินในเบื้องต้นทราบว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินลำเลียงประเภทหนึ่ง สามารถบรรทุกน้ำหนักเต็มพิกัดได้ 50 ตัน หากเติมน้ำมันเต็มถังสามารถบินได้ไกลถึง 5,000 ไมล์ ส่วนเส้นทางการบินนั้นพบว่า เครื่องบินลำดังกล่าวออกเดินทางมาจากประเทศยูเครน ผ่านประเทศอาร์เซอร์ไบจาน สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ศรีลังกา ไทย โดยมีจุดหมายปลายทางที่กรุงเปียงยาง เกาหลีเหนือ ส่วนขากลับนั้นก็จะใช้เส้นทางเดิม แต่ทั้งนี้นักบินก็สามารถแจ้งเปลี่ยนเส้นทางการบินกับเจ้าหน้าที่ประเทศนั้นๆ ในขณะที่เครื่องอยู่กลางอากาศได้ อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าเครื่องบินลำนี้มีเพียงแค่ตัวเลขข้างเครื่องเท่านั้น ต่างจากเครื่องบินพาณิชย์ทั่วไปที่จะต้องมีการทำสัญลักษณ์บ่งบอกถึงสัญชาติของเครื่องบินลำนั้นๆ ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น