ทหารอากาศ พร้อมเจ้าหน้าที่สนามบินดอนเมือง ตรวจยึดเครื่องบินเกาหลีเหนือขนอาวุธสงครามร้ายแรงหนักกว่า 40 ตัน จากกรุงเปียงยาง มุ่งหน้าส่งไปยังยูเครน พร้อมอายัดเคลื่อนย้ายไปยังสนามบินตาคลี นครสวรรค์แล้ว
วันนี้ (12 ธ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำคลังสินค้าภายในประเทศ ท่าอากาศยานดอนเมือง ได้เข้าทำการตรวจสอบเครื่องบินลำเลียงแบบทหาร รุ่น IL 76 (อิลยูชิน 76) สีขาว เลขข้างตัวเครื่อง 4L-AWA สัญชาติคาซัคสถาน ซึ่งเดินทางมาจากกรุงเปียงยาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือเกาหลีเหนือ จุดหมายปลายทางประเทศศรีลังกา เพื่อขออนุญาตลงจอดที่คลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมืองแทน
จากการตรวจสอบปรากฏว่าเจ้าหน้าที่พบตู้เหล็กและลังไม้ขนาดใหญ่ บางส่วนแยกบรรจุหีบห่อมาอย่างดี โดยบรรทุกมาเต็มลำเครื่อง รวมน้ำหนักประมาณ 35-40 ตัน แต่ภายในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดกลับเป็นอาวุธสงคราม ประเภทอาวุธหนักหลายชนิด เช่น ท่อส่งจรวด หัวจรวด จรวดอาร์พีจี เป็นต้น โดยอาวุธประเภทท่อส่งจรวดนั้นมีรายงานว่าเป็นท่อส่งจรวดที่ยิงจากภาคพื้นสู่อากาศ หรือกราวน์มิซซาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังตรวจสอบอาวุธสงครามบนเครื่องบินเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวชาวต่างชาติทั้งหมด 5 คน เป็นชาวเบลารุส 1 คน คาซัคสถาน 4 คน ในจำนวนนี้มีนักบินรวมอยู่ด้วยให้ลงจากเครื่องเพื่อขอทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
เบื้องต้นมีรายงานว่า ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าสิ่งของที่อยู่บนเครื่องนั้นเป็นเพียงชิ้นส่วน หรืออะไหล่ของอาวุธสงครามเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นอาวุธสงครามร้ายแรงและมีพิรุธในการสำแดงรายละเอียดของสินค้าจึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องทราบก่อนจะอายัดเครื่องบิน และสินค้าทั้งหมดไว้ พร้อมกับควบคุมตัวชาวต่างชาติทั้ง 5 คนเพื่อรอการสอบสวนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารอากาศ และทหารบกได้นำรถบรรทุกขนาดใหญ่มาขนถ่ายอาวุธสงครามทั้งหมดออกจากเครื่องบิน ก่อนจะประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบังคับการปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. นำล่ามภาษาจากตำรวจท่องเที่ยวเข้าทำการสอบปากคำชาวต่างชาติทั้งหมด
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. เวลาประมาณ 16.00 น. ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ได้นำเครื่องบินลำดังกล่าวมาลงจอดที่ประเทศไทยเพื่อเติมน้ำมัน จากนั้นทั้งหมดได้นำเครื่องบินเดินทางไปยังกรุงเปียงยาง เกาหลีเหนือ ก่อนจะกลับมาแวะเติมน้ำมันในวันนี้แต่มาถูกตรวจสอบพบว่าในลำเครื่องมีการบรรทุกลำเลียงอาวุธสงครามมาเต็มลำ โดยอาวุธสงครามทั้งหมดนี้คาดว่านำมาจากเกาหลีเหนือแต่จุดหมายปลายทางยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะเป็นประเทศใดในแถบตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตามในการขนส่งอาวุธสงครามผ่านน่านฟ้าประเทศไทยนั้นเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ นอกจากนี้ยังอาจมีความผิดฐานสำแดงเท็จด้วย แต่ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนของกลางอาวุธสงครามทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ รวมทั้งเครื่องบินนั้นเจ้าหน้าที่ทหารได้นำขึ้นรถบรรทุกไปเก็บรักษาไว้ที่คลังสรรพาวุธ กองบิน 4 ทหารอากาศ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ จากนั้นจะประสานพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่สรรพาวุธตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบอาวุธสงครามทั้งหมดอีกครั้ง ส่วนชาวต่างชาติทั้งหมดหลังจากสอบสวนที่คลังสินค้า ดอนเมืองแล้วพนักงานสอบสวนจะนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมและควบคุมตัวไว้ที่ห้องขังกองปราบปราม