xs
xsm
sm
md
lg

เลื่อนฟังคดีเลี่ยงเก็บภาษีหุ้น “ชินคอร์ป” 738 ล้าน! ไป 26 ก.พ.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ศาลเลื่อนฟังคำพิพากษา “ศิโรตม์” อดีตอธิบดีกรมสรรพากร เลี่ยงเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป มูลค่า 738 ล้านบาท ไปวันที่ 26 ก.พ.นี้ เนื่องจากเอกสารในสำนวนมีจำนวนมาก ศาลยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ

วันนี้ (27 ม.ค.) เวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 916 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีดำหมายเลขที่ อ.2953/2550 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อายุ 59 ปี อดีตอธิบดีกรมสรรพากร นายวิชัย จึงรักเกียรติ อายุ 58 ปี อดีต ผอ.สำนักงานกฎหมาย กรมสรรพากร น.ส.สุจินดา แสงชมพู อายุ 57 ปี อดีตนิติกร 9 ชช. น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อายุ 49 ปี อดีตนิติกร 8 ว. และ น.ส.กุลฤดี แสงสายัณห์ อายุ 44 ปี อดีตนิติกร 7 ว. เป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เรียกเก็บ หรือตรวจสอบภาษีอากร ร่วมกันละเว้นไม่เรียกเก็บภาษีอากรฯ และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลอาญา 154, 157 กรณีงดเว้นการคำนวณภาษีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ภริยา ในการโอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท ให้กับนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดาของคุณหญิงพจมาน และกลุ่มคนรับใช้ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย

โดยวันนี้จำเลยทั้งหมด เดินทางมาศาลแต่เนื่องจากศาลยังพิจารณาสำนวนไม่แล้วเสร็จ เพราะพยานเอกสารหลักฐานมีจำนวนมาก จึงเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 26 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.

สำหรับคดีนี้อัยการฟ้องว่าเมื่อวันที่ 7 พ.ย.40 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้โอนหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ที่อยู่ในชื่อของ น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี คนรับใช้เป็นผู้ถือหุ้นแทน จำนวน 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท ให้แก่ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดาโดยไม่มีค่าตอบแทนซึ่งหุ้นจำนวนดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นซึ่งคำนวณเป็นเงินพึงได้ตาม ม.39 และ40 (8) แห่งประมวลรัษฎากรต้องเสียภาษีเป็นเงินประมาณ 270 ล้านบาทเศษ แต่นายบรรณพจน์กลับไม่เสียภาษีและไม่ได้แจ้งเรื่องการได้รับหุ้นให้กรมสรรพากรทราบ กระทั่งกรมสรรพากรมทราบเรื่องดังกล่าว จากผลของการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)ครั้งที่ 98/2543 ลงวันที่ 26 ธ.ค.43 ซึ่งพิจารณารายงานผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วมีมติว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงกรมสรรพากรจึงมีหนังสือลับด่วนที่สุดลงวันที่ 28 ธ.ค.43 ขอข้อมูลการตรวจสอบทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ คู่สมรส และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องจากคณะกรรมการ ปปช.

ต่อมาระหว่างวันที่ 28 ก.พ.- 5 ต.ค. 44 จำเลยทั้ง 5 ได้ร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมาย โดยกรมสรรพากรได้เรียกนายบรรณพจน์ และคุณหญิงพจมานมาให้ถ้อยคำเรื่องการโอนหุ้นในคดีนี้ว่า นายบรรณพจน์ได้ช่วยเหลือธุรกิจของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ และภริยา คุณหญิงพจมานจึงยกหุ้นให้แก่บุตรชายของนายบรรณพจน์เพื่อเป็นของขวัญโดยนายบรรณพจน์ไม่ต้องทำอะไรเป็นสิ่งตอบแทนและไม่มีข้อผูกพันหรือสัญญาเนื่องจากขณะนั้นคุณหญิงพจมานและครอบครัวมีทรัพย์สินกว่า 2 หมื่นล้านบาทซึ่งเป็นการให้โดยเสน่หาเข้าหลักเกณฑ์ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร ม.42 (10) แต่เนื่องจากเป็นปัญหาข้อกฎหมาย กรมสรรพากรจึงส่งเรื่องให้สำนักงานกฎหมาย กรมสรรพากรพิจารณาให้ความเห็นโดยจำเลยที่ 2-5 ได้ร่วมกันพิจารณาและวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวแล้วเห็นว่าคุณหญิงพจมานอยู่ในฐานะและวิสัยที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลทรัพย์สินแก่นายบรรณพจน์ได้ ควรได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีจากนั้น จำเลยที่ 2-5 จึงเสนอความเห็นให้จำเลยที่ 1 พิจารณาและวินิจฉัยสั่งการในการจัดเก็บภาษีอาการหรือตรวจสอบภาษีดังกล่าว แต่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ใช้ดุลยพินิจพิจารณาถึงข้อโต้แย้งให้เป็นที่ยุติก่อนและได้มีคำสั่งในฐานะผู้ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร(ในขณะนั้น)ให้ความเห็นชอบกับคำวินิจฉัยของจำเลยที่ 2-5 เป็นผลให้กรมสรรพกรต้องยุติการตรวจสอบการเสียภาษีการโอนหุ้นบริษัทชินฯระหว่างคุณหญิงพจมานกับนายบรรณพจน์ ทำให้นายบรรณพจน์ไม่ต้องเสียภาษีเป็นเงินประมาณ 270 ล้านบาททั้งที่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในการโอนหุ้นดังกล่าวไม่เข้าลักษณะการอุปการะและไม่ใช่การให้โดยเสน่หา จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์การยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี

โดยจำเลยทั้ง 5 พิจารณาและวินิจฉัยฟังจากคำให้การของคุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์เพียงอย่างเดียวไม่ได้สอบสวนพยานบุคคล พยานเอกสารให้แน่ชัดว่าข้อเท็จจริงเป็นไปตามคำให้การของบุคคลทั้งสองหรือไม่ อันเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายโดยชัดแจ้งไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐและสาธารณชนเป็นสำคัญเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมีเจตนาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายบรรณพจน์ที่ไม่ต้องเสียภาษีเป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย
นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร(คนกลาง) และทีมทนาย
นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร(คนกลาง) เดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ศาลอาญา
กำลังโหลดความคิดเห็น