ผู้จัดการรายวัน - กระบวนการยุติธรรมยังศักดิ์สิทธิ์ พรรค ปชป.ชี้คำพิพากษาคดีหญิงอ้อกับพวกโกงภาษีเป็นบทพิสูจน์ว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และจะเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินคดีอื่นๆ ด้านน้องเขยแม้ว เชื่อ "พจมาน" ไม่หนี ส่วน "ขุนค้อน" ยอมรับนายหญิงเจอคุกกระทบ พปช.
จากกรณีที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุก คุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ คนละ 3 ปี และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน 2 ปี ในคดีเลี่ยงภาษี 546 ล้านบาท นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก้ตามคดียังไม่ถึงที่สุด คุณหญิงพจมานและจำเลยคนอื่นๆ ก็สามารถที่จะใช้กระบวนการในการอุทธรณ์ และฎีกาได้และตนไม่ได้มองเรื่องความสำเร็จของพรรคหรือของใคร เพราะทั้งหมดเป็นการทำหน้าที่ เวลาเราเห็นว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง ก็นำเสนอต่อสาธารณะ และถ้าเราทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเมืองก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับบ้านเมือง แต่ทุกคนก็ต้องได้รับความเป็นธรรม เรามีหน้าที่ตรวจสอบ และสิ่งที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก็จะปรากฎต่อสาธารณชน จากนั้นฝ่ายต่างๆ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ทุกอย่างก็ยังต้องเดินไปข้างหน้า เราก็ยังหวังว่า นายสมัคร สุทรเวช นายกรัฐมนตรี จะหาทางที่จะทำให้รัฐบาลเดินหน้าได้ด้วยความเชื่อมั่น ด้วยความมีเอกภาพ และทำงานให้เป็นที่ยอมรับ การเมืองก็อยู่ตรงนี้ ส่วนบทบาทของใคร ที่ไหน อย่างไร จะมีมากน้อย แค่ไหนก็ตาม แต่ถ้ารัฐบาลทำงานสำเร็จ การเมืองก็เป็นบวกกับรัฐบาล แต่ถ้ารัฐบาลทำงานโดยไม่มุ่งแก้ไขปัญหาของประชน บ้านเมืองก็จะมีปัญหาที่ยึดเยื้อออกไปเรื่อยๆ
"ส่วนระบอบทักษิณนั้น ผมพูดมาตลอดว่า เป็นอันตราย ถ้าเราสามารถที่จะทำให้บ้านเมืองมีกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ มีความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง หมายถึงรัฐบาลตอบสนองประชาชน ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันใช้อำนาจรัฐอยู่ในขอบเขต ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ไม่ทุจริต คอร์รัปชั่น ก็ดีที่สุดอยู่แล้ว" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สังคมรอคอยคำพิพากษามายาวนาน โดยตั้งแต่ปี 2540 ที่ฝ่ายค้านได้มีการอภิปรายมายาวนานถึง 3 รัฐบาล สุดท้ายก็มีคำตอบที่ชัดเจนว่า ศาลได้พิพากษาว่า การกระทำนั้นเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี สะท้อนให้เห็นว่าจุดยื่นของพรรคประชาธิปัตย์ที่ยื่นหยัดและยึดถือเรื่องความถูกต้อง ขอให้ตรงนี้ ถือเป็นบรรทัดฐานของคดีอื่นๆ ที่รอการพิจารณาของศาลอยู่ ซึ่งเป็นกรณีโอนหุ้นกันเองภายในครอบครัวที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาด และอ้างเหตุผลต่างในการหลีกเลี่ยงภาษี
"วันนี้ความถูกต้องได้ปรากฎตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ยืนยันมาตลอด และคำตัดสินที่ออกมามีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน โดยเป็นประโยชนกับผู้ที่เสียภาษี เพราะแม้แต่คนใหญ่โตอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็หลีกเลี่ยงการหนีภาษีไม่ได้ วันนี้เป็นการบอกว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฏหมายอีกแล้ว และผมคิดว่ามีผลต่อการเมืองแน่ ถึงแม้จะไม่โดยตรง แต่มีแน่นอน" นายกรณ์ กล่าว
**"สมชาย" ชี้ "อ้อ" ไม่หนีคุก
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ ในฐานะน้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นคดีที่ยื่นอุทธรณ์ และฎีกาได้ คงต้องให้เป็นไปตามขั้นตอน ส่วนจะมีผลต่อที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ในการขอเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่ คิดว่าน่าจะเป็นคนละกรณี ไม่น่าเกี่ยวข้องกับคดี เพราะหลักกฎหมายที่จำเลยได้รับประกันตัวนั้น เพราะศาลเห็นว่าจำเลยไม่หลบหนี ไม่มีปัญหาเข้ามายุ่มย่ามกับการพิจารณาคดี ศาลก็พิจารณาให้ประกัน จึงน่าจะเป็นคนละกรณี และครั้งล่าสุดที่ท่านขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศ ก็ได้รับการอนุญาตแล้ว
สำหรับ คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีอยู่หลายคดีนั้น คิดว่าต้องสู้ไปทุกคดี เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อถูกฟ้องก็ต้องสู้คดีไป สู้แล้วเป็นอย่างไรก็อยู่ที่การตัดสินของศาล คงพูดไม่ได้ว่า หนักใจหรือไม่หนักใจ ก็ต่อสู้ไป เพราะคนที่ต่อสู้คดี ก็คงมีพยานหลักฐานของตนเอง ในส่วนฝ่ายที่ฟ้อง ก็คิดว่ามีพยานหลักฐานของเขา ก็ต้องเอาหลักฐานเหล่านี้ไปสู้กันในศาล ส่วนศาลพิจารณาอย่างไร เป็นกระบวนการของศาล อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นญาติ ก็คงต้องให้กำลังใจในการที่จะต่อสู้คดี
เมื่อถามว่าศาลพิพากษาตอนหนึ่งว่า ที่จำเลยอ้างว่า คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส) เป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยนั้น แต่ศาลพิเคราะห์ว่า ไม่เป็นอย่างนั้น อย่างนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้กับคดีอื่นๆหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เป็นเรื่องของการพิจารณา เราคงไปให้ความเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์ ก็ไม่เหมาะสม ส่วนคดีนี้จะเป็นหนังตัวอย่างให้กับคดีอื่นๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องคดีจะมีที่มาที่ไป และพยานหลักฐานแตกต่างกันไป ภาษากฎหมายจะบอกว่า เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาแต่ละคดีไป แต่ตอนนี้ตนไม่ได้เป็นศาลแล้วพูดอะไรไม่ได้
ส่วนเรื่องนี้ จะมีผลกระทบต่อการเมืองกับรัฐบาลหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า การเมืองคงไม่เกี่ยว เพราะทั้ง 2 ท่านไม่เกี่ยวกับการเมืองแล้ว ส่วนเรื่องการเมืองก็ว่าไป นายสมัคร สุนทรเวช ก็ยังเป็นนายกฯอยู่ ท่านก็ดำเนินการของท่านไป อย่าเอามาเกี่ยวข้องกันเลย เพราะสิ่งที่ท่านสู้คดีก็เป็นเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว ส่วนเรื่องรัฐบาลการทำงานการเมืองเป็นเรื่องที่เราอาสามาทำหน้าที่เพื่อประชาชน คงไม่เอามาพัวพันกัน
ขณะที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวว่า เรื่องที่ ศาลอาญาตัดสินจำคุก คุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ ฐานหลีกเหลี่ยงภาษีนั้น ย่อมเกิดผลกระทบ กับพรรคพลังประชาชน และรัฐบาลในด้านที่ไม่ดีแน่นอน แต่จะส่งผลมากน้อยเพียงใด เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ทุกคนจะต้องเคารพในคำตัดสินของศาล จะต้องมีเอกภาพอยู่ในบ้านเมือง อยากให้ทุกคนยึดมั่นในกฎหมาย และหันหน้าเข้าหากันจะดีกว่าที่มาทะเลาะกันในยามนี้ ผู้ใหญ่หลายคนก็เป็นห่วงสถานการณ์ บ้านเมืองเราจะต้องมีความรัก ความสามัคคีกันให้มาก.
จากกรณีที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุก คุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ คนละ 3 ปี และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน 2 ปี ในคดีเลี่ยงภาษี 546 ล้านบาท นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก้ตามคดียังไม่ถึงที่สุด คุณหญิงพจมานและจำเลยคนอื่นๆ ก็สามารถที่จะใช้กระบวนการในการอุทธรณ์ และฎีกาได้และตนไม่ได้มองเรื่องความสำเร็จของพรรคหรือของใคร เพราะทั้งหมดเป็นการทำหน้าที่ เวลาเราเห็นว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง ก็นำเสนอต่อสาธารณะ และถ้าเราทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเมืองก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับบ้านเมือง แต่ทุกคนก็ต้องได้รับความเป็นธรรม เรามีหน้าที่ตรวจสอบ และสิ่งที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก็จะปรากฎต่อสาธารณชน จากนั้นฝ่ายต่างๆ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ทุกอย่างก็ยังต้องเดินไปข้างหน้า เราก็ยังหวังว่า นายสมัคร สุทรเวช นายกรัฐมนตรี จะหาทางที่จะทำให้รัฐบาลเดินหน้าได้ด้วยความเชื่อมั่น ด้วยความมีเอกภาพ และทำงานให้เป็นที่ยอมรับ การเมืองก็อยู่ตรงนี้ ส่วนบทบาทของใคร ที่ไหน อย่างไร จะมีมากน้อย แค่ไหนก็ตาม แต่ถ้ารัฐบาลทำงานสำเร็จ การเมืองก็เป็นบวกกับรัฐบาล แต่ถ้ารัฐบาลทำงานโดยไม่มุ่งแก้ไขปัญหาของประชน บ้านเมืองก็จะมีปัญหาที่ยึดเยื้อออกไปเรื่อยๆ
"ส่วนระบอบทักษิณนั้น ผมพูดมาตลอดว่า เป็นอันตราย ถ้าเราสามารถที่จะทำให้บ้านเมืองมีกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ มีความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง หมายถึงรัฐบาลตอบสนองประชาชน ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันใช้อำนาจรัฐอยู่ในขอบเขต ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ไม่ทุจริต คอร์รัปชั่น ก็ดีที่สุดอยู่แล้ว" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สังคมรอคอยคำพิพากษามายาวนาน โดยตั้งแต่ปี 2540 ที่ฝ่ายค้านได้มีการอภิปรายมายาวนานถึง 3 รัฐบาล สุดท้ายก็มีคำตอบที่ชัดเจนว่า ศาลได้พิพากษาว่า การกระทำนั้นเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี สะท้อนให้เห็นว่าจุดยื่นของพรรคประชาธิปัตย์ที่ยื่นหยัดและยึดถือเรื่องความถูกต้อง ขอให้ตรงนี้ ถือเป็นบรรทัดฐานของคดีอื่นๆ ที่รอการพิจารณาของศาลอยู่ ซึ่งเป็นกรณีโอนหุ้นกันเองภายในครอบครัวที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาด และอ้างเหตุผลต่างในการหลีกเลี่ยงภาษี
"วันนี้ความถูกต้องได้ปรากฎตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ยืนยันมาตลอด และคำตัดสินที่ออกมามีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน โดยเป็นประโยชนกับผู้ที่เสียภาษี เพราะแม้แต่คนใหญ่โตอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็หลีกเลี่ยงการหนีภาษีไม่ได้ วันนี้เป็นการบอกว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฏหมายอีกแล้ว และผมคิดว่ามีผลต่อการเมืองแน่ ถึงแม้จะไม่โดยตรง แต่มีแน่นอน" นายกรณ์ กล่าว
**"สมชาย" ชี้ "อ้อ" ไม่หนีคุก
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ ในฐานะน้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นคดีที่ยื่นอุทธรณ์ และฎีกาได้ คงต้องให้เป็นไปตามขั้นตอน ส่วนจะมีผลต่อที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ในการขอเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่ คิดว่าน่าจะเป็นคนละกรณี ไม่น่าเกี่ยวข้องกับคดี เพราะหลักกฎหมายที่จำเลยได้รับประกันตัวนั้น เพราะศาลเห็นว่าจำเลยไม่หลบหนี ไม่มีปัญหาเข้ามายุ่มย่ามกับการพิจารณาคดี ศาลก็พิจารณาให้ประกัน จึงน่าจะเป็นคนละกรณี และครั้งล่าสุดที่ท่านขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศ ก็ได้รับการอนุญาตแล้ว
สำหรับ คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีอยู่หลายคดีนั้น คิดว่าต้องสู้ไปทุกคดี เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อถูกฟ้องก็ต้องสู้คดีไป สู้แล้วเป็นอย่างไรก็อยู่ที่การตัดสินของศาล คงพูดไม่ได้ว่า หนักใจหรือไม่หนักใจ ก็ต่อสู้ไป เพราะคนที่ต่อสู้คดี ก็คงมีพยานหลักฐานของตนเอง ในส่วนฝ่ายที่ฟ้อง ก็คิดว่ามีพยานหลักฐานของเขา ก็ต้องเอาหลักฐานเหล่านี้ไปสู้กันในศาล ส่วนศาลพิจารณาอย่างไร เป็นกระบวนการของศาล อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นญาติ ก็คงต้องให้กำลังใจในการที่จะต่อสู้คดี
เมื่อถามว่าศาลพิพากษาตอนหนึ่งว่า ที่จำเลยอ้างว่า คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส) เป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยนั้น แต่ศาลพิเคราะห์ว่า ไม่เป็นอย่างนั้น อย่างนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้กับคดีอื่นๆหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เป็นเรื่องของการพิจารณา เราคงไปให้ความเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์ ก็ไม่เหมาะสม ส่วนคดีนี้จะเป็นหนังตัวอย่างให้กับคดีอื่นๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องคดีจะมีที่มาที่ไป และพยานหลักฐานแตกต่างกันไป ภาษากฎหมายจะบอกว่า เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาแต่ละคดีไป แต่ตอนนี้ตนไม่ได้เป็นศาลแล้วพูดอะไรไม่ได้
ส่วนเรื่องนี้ จะมีผลกระทบต่อการเมืองกับรัฐบาลหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า การเมืองคงไม่เกี่ยว เพราะทั้ง 2 ท่านไม่เกี่ยวกับการเมืองแล้ว ส่วนเรื่องการเมืองก็ว่าไป นายสมัคร สุนทรเวช ก็ยังเป็นนายกฯอยู่ ท่านก็ดำเนินการของท่านไป อย่าเอามาเกี่ยวข้องกันเลย เพราะสิ่งที่ท่านสู้คดีก็เป็นเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว ส่วนเรื่องรัฐบาลการทำงานการเมืองเป็นเรื่องที่เราอาสามาทำหน้าที่เพื่อประชาชน คงไม่เอามาพัวพันกัน
ขณะที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวว่า เรื่องที่ ศาลอาญาตัดสินจำคุก คุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ ฐานหลีกเหลี่ยงภาษีนั้น ย่อมเกิดผลกระทบ กับพรรคพลังประชาชน และรัฐบาลในด้านที่ไม่ดีแน่นอน แต่จะส่งผลมากน้อยเพียงใด เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ทุกคนจะต้องเคารพในคำตัดสินของศาล จะต้องมีเอกภาพอยู่ในบ้านเมือง อยากให้ทุกคนยึดมั่นในกฎหมาย และหันหน้าเข้าหากันจะดีกว่าที่มาทะเลาะกันในยามนี้ ผู้ใหญ่หลายคนก็เป็นห่วงสถานการณ์ บ้านเมืองเราจะต้องมีความรัก ความสามัคคีกันให้มาก.