xs
xsm
sm
md
lg

ศาลไต่สวนยึดทรัพย์ทีพีไอ บังคับจ่ายค่าปรับ 6.9 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์
ไต่สวนสืบหาทรัพย์สิน “ทีพีไอโพลีน” บังคับคดีจ่ายค่าปรับ 6.9 พันล้าน ตามคำสั่งศาลคดีปั่นหุ้น “ประมวล เลี่ยวไพรัตน์ ” น้องชายประชัย เบิกความปัดไม่รู้รายละเอียด ส่วนทรัพย์สินโรงปูนทีพีไอ ระบุมีมูลค่า 7 หมื่นล้าน แต่อาจมีภาระติดจำนอง ขณะที่อัยการเกรงต้องรับผิดชอบหากยึดทรัพย์ผิดพลาดเกินค่าปรับ ขอไต่สวนกรรมการบริษัทรู้ข้อมูลทรัพย์สิน ศาลนัดไต่สวนต่อปากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์-กรรมการบริษัท 21 พ.ย.นี้ พร้อมออกหมายสั่ง บมจ.สเติร์นฯ จ่ายค่าปรับภายใน 30 วัน

วันนี้ (13 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 810 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนสืบหาทรัพย์สินบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เป็นประธานผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.ทีพีไอโพลีน หลังจากที่ ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 50 ให้จำคุก นายประชัย และนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร กรรมการบริหาร บริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 2 และ 4 คนละ 3 ปี ที่กระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ในการเผยแพร่ข้อมูลนอกเหนือจากที่ได้แจ้งไว้ต่อตลาดหลักทรัพย์ หรือการปั่นหุ้น และสั่งปรับบริษัท ทีพีไอ.ฯ และบริษัท สเติร์นฯ จำเลยที่ 1 และ 3 รายละ 6,900,300,000 บาท แต่บริษัท ทั้งสองยังไม่ชำระค่าปรับ โดยอ้างว่าไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอ

โดยวันนี้ผู้รับมอบอำนาจ บมจ.ทีพีไอโพลีน ได้แถลงขอเลื่อนนัดไต่สวนเนื่องจากนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ติดภารกิจเดินทางไปฟังการพิจารณาคดีศาลล้มละลายที่มีหมายนัดไว้ล่วงหน้าแล้วและกรรมการบริษัท ที่จะนำมาไต่สวนติดภารกิจเจรจาธุรกิจสำคัญ และบางคนมีอาการป่วยเป็นความดันโลหิตไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้นายประชัยและกรรมการบริษัทไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ แต่วันนี้มีนายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ และผู้รับมอบอำนาจ บมจ.ทีพีไอโพลีน มาศาล จึงไม่อนุญาตให้เลื่อน โดยได้ไต่สวนนายประมวล ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีพีไอโพลีน จำเลยที่ 1 เกี่ยวกับรายละเอียดทรัพย์สิน แต่นายประมวล เบิกความว่าไม่สามารถให้รายละเอียดได้ว่าบริษัทมีทรัพย์สินเท่าใด และเมื่อได้สอบถามถึงทรัพย์สินโรงปูนทีพีไอ โพลีน จำกัด จ.สระบุรี นายประมวล เบิกความว่า โรงปูนมีมูลค่า 70,000 ล้านบาท แต่ไม่ทราบว่ามีภาระติดจำนองที่ดินหรือไม่

ภายหลังไต่สวนนายประมวลแล้วเสร็จ อัยการได้แถลงหารือศาลว่าในการบังคับหากศาลจะให้นำยึดทรัพย์โรงปูน เห็นว่าเป็นทรัพย์สูงเกินกว่าค่าปรับ เพราะโรงปูนมีมูลค่า 70,000 ล้านบาท แต่ค่าปรับมีเพียง 6.9 พันล้านบาทเท่านั้น ซึ่งในการนำยึดทรัพย์สินหากมีความผิดพลาดอัยการต้องรับผิดชอบดังนั้นจึงควรจะเรียกผู้บริหารบริษัทที่ทราบรายละเอียดทรัพย์สินมาสืบเพื่อหาทรัพย์สินที่มีสัดส่วนพอดีและไม่ติดภาระด้วย ขณะที่ผู้รับมอบอำนาจ บมจ.ทีพีไอโพลีนสอบถามศาลว่า หากให้มีการนำยึดทรัพย์สินเพื่อจะขายทอดตลาดที่จะนำมาชำระค่าปรับทันทีโดยไม่รอให้คดีถึงที่สุด แล้วหากศาลอุทธรณ์พิพากษาลดค่าปรับให้น้อยกว่า ศาลอาญาจะทำอย่างไร

ศาลจึงชี้แจงว่า ศาลมีหน้าที่ทำตามกฎหมาย และปัญหาการชำระค่าปรับมีคำพิพากษาฎีกาเป็นบรรทัดฐานแล้วว่าต้องชำระโดยไม่ต้องรอคดีถึงที่สุด ส่วนการนำยึดทรัพย์สินนั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะต้องระมัดระวังในการยึดทรัพย์ให้พอดีกับค่าปรับ แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบให้ บมจ.ทีพีไอโพลีนนำผู้รับผิดชอบซึ่งรู้รายละเอียดทรัพย์สินมาให้ศาลไต่สวนอีกครั้งเพื่อจะได้ตรวจหาทรัพย์สินที่เหมาะสมแก่การนำยึด

อย่างไรก็ดี สำหรับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และเจ้าพนักงานบังคับคดี พยานที่ศาลออกหมายเรียกให้มาไต่สวนในวันนี้ เนื่องจากพยานยังไม่ได้รับหมายเรียก ศาลจึงมีคำสั่งให้ไต่สวนพยานทั้งสองปากอีกครั้งในวันที่ 21 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. โดยศาลมีคำสั่งให้แจ้งเรื่องการไต่สวนเพื่อบังคับคดี บมจ.ทีพีไอโพลีน ให้ศาลล้มละลายกลางทราบด้วย เนื่องจาก บมจ.ทีพีไอโพลีน อยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง ส่วน บมจ.สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) จำเลยที่ 3 ศาลออกหมายให้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ศาลอาญาให้ชำระค่าปรับด้วยภายใน 30 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณเดือน ก.ค. บมจ.ทีพีไอโพลีน ได้ยื่นคำอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ขอให้ระงับการบังคับไว้เป็นการชั่วคราว แต่จนถึงขณะนี้ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้มีคำสั่งใดๆ ออกมา ขณะที่ในส่วนของ บมจ.สเติร์นฯ นั้น หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการชำระค่าปรับ อัยการจะต้องดำเนินการไต่สวนตรวจสอบทรัพย์สินเหมือนกรณี บมจ.ทีพีไอโพลีน เพื่อบังคับคดีต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น