จารบุรุษ
ข่าวการลอบสังหาร"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกยึดอำนาจจากการรัฐประหาร ซึ่งหลุดออกมาจากปากของ"ลุงตุ้ย" พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.ทบ.และผบ.สส. เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแส"ไฟไหม้ฟาง" ได้ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งก็ถือว่า การพีอาร์ หรือประชาสัมพันธ์ สำเร็จพอสมควร แต่ยังไม่บรรลุเป้าหมายได้เต็มร้อยนัก
แม้กระแสข่าวดังกล่าว ทางตำรวจโดยพล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกตร. จะออกมาขานรับด้วยการปฏิเสธว่า ยังไม่มีใครเข้าแจ้งความ หรือขอกำลังจากตำรวจไปดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ตาม แต่ตำรวจก็จะต้องคอยเฝ้าระวัง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลสำคัญ หากมีอันเป็นไป ก็อาจจะเกิดความวุ่นวายกับบ้านเมืองได้
ข่าวการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณในครั้งนี้ ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งทั้งอาจจะตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม โดยครั้งแรก ในเหตุการณ์ระเบิดเครื่องบินของสายการบินไทย ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ หรือดอนเมือง ราวปี 2544 ครั้งนั้น เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาทและไฟลุกท่วมห้องเครื่อง โดยเหตุเกิดขึ้นก่อนที่พ.ต.ท.ทักษิณ และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย จะเดินทางด้วยเครื่องบินในครั้งนั้นไม่กี่ชั่วโมง
หลังเกิดเหตุขึ้น มีการพุ่งประเด็นไปที่ "การลอบสังหาร" ทันที แม้แต่ผบ.ตร.ในขณะนั้น คือพล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ยังให้สัมภาษณ์เป็นการชี้นำว่า สาเหตุที่เครื่องระเบิด ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่อาจจะเป็นการก่อวินาศกรรม ซึ่งก็หนีไม่พ้นการลอบสังหารตัวพ.ต.ท.ทักษิณนั่นเอง
แต่ภายหลังไม่นาน คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการสืบสวน สอบสวนจนเป็นที่แน่ชัด รวมทั้งผลการยืนยันสาเหตุของผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ได้สรุปผลออกมาตรงกันว่า มันเป็นแค่เพียง "อุบัติเหตุ" ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเปิดแอร์บนเครื่องนานเกินไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร"พ.ต.ท.ทักษิณ"แม้แต่ปลายเล็บ
ถัดมาอีก 5 ปี ในปี 2549 เหตุการณ์ลอบสังหาร"พ.ต.ท.ทักษิณ" หวนกลับมาเลื่องระบือลือนามไปทั่วประเทศ รวมทั้งต่างประเทศทั่วโลกด้วย ก็เพราะยุทธการ"คาร์บอมบ์" ที่ภายในบรรจุระเบิดซีโฟร์ พร้อมที่จะทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า โดยจุดเกิดเหตุ ห่างจากบ้าน"จันทร์ส่องหล้า"ของพ.ต.ท.ทักษิณประมาณ 1 กม. อยู่ตรงบริเวณใต้สะพานลอยข้ามแยกบางพลัด ซึ่งเป็นเส้นทางรถขบวนของพ.ต.ท.ทักษิณจะต้องวิ่งผ่าน และหลังเกิดเหตุ ยังมีการจับกุมนายทหารระดับต่างๆจำนวนหลายนายให้ตกเป็นจำเลยในคดีนี้ รวมทั้งคำสั่งปลด"พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี" รองผอ.กอ.รมน.พ้นจากตำแหน่งด้วย และสุดท้าย พนักงานสอบสวนได้สั่งฟ้องนายทหารที่ตกเป็นจำเลยเหล่านั้น ขณะนี้ คดีอยู่ในศาลทหาร ไม่มีความคืบหน้า
ต่อมา เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกรัฐประหาร ต้องระเห็ดไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลาปีกว่า และเมื่อวันที่เดินทางกลับมายังประเทศไทยเป็นครั้งแรก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เข้าพักที่บ้านจันทร์ส่องหล้า แต่กลับไปเช่าเหมาชั้นโรงแรม แพนนินซูล่า พักอาศัยช่วงระยะเวลาหนึ่ง นัยว่า "ทีมงานห้อย"จัดให้ เพื่อความปลอดภัย และจะไม่ตกเป็นเป้านิ่งของการลอบสังหาร!
มาบัดนี้ กระแสข่าวการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ถูกปูดขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ทราบแน่ชัดว่าต้องการจุดประสงค์ใด แต่เชื่อว่า ทีมงานพ.ต.ท.ทักษิณ คงยังไม่หมดกิ๋น ต้องหันไปใช้มุกเดิมๆเพื่อขอคะแนนสงสาร ซึ่งเราได้แต่เฝ้าภาวนาไม่ให้เกิดการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณเช่นเดียวกัน ใช่ว่าจะรัก"ทักษิณ" แต่ไม่อยากให้พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องมีอันเป็นไปจากการลอบสังหาร เพราะเราเชื่อว่า การลอบสังหาร ไม่สมควรที่จะเป็นจุดจบของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่คำพิพากษาของศาลสถิตย์ยุติธรรมต่างหาก ที่จะต้องเป็นจุดจบของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร!
"แดนแรกรับ ยินดีต้อนรับครับ พะนะทั่น"..!!!
ข่าวการลอบสังหาร"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกยึดอำนาจจากการรัฐประหาร ซึ่งหลุดออกมาจากปากของ"ลุงตุ้ย" พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.ทบ.และผบ.สส. เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแส"ไฟไหม้ฟาง" ได้ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งก็ถือว่า การพีอาร์ หรือประชาสัมพันธ์ สำเร็จพอสมควร แต่ยังไม่บรรลุเป้าหมายได้เต็มร้อยนัก
แม้กระแสข่าวดังกล่าว ทางตำรวจโดยพล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกตร. จะออกมาขานรับด้วยการปฏิเสธว่า ยังไม่มีใครเข้าแจ้งความ หรือขอกำลังจากตำรวจไปดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ตาม แต่ตำรวจก็จะต้องคอยเฝ้าระวัง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลสำคัญ หากมีอันเป็นไป ก็อาจจะเกิดความวุ่นวายกับบ้านเมืองได้
ข่าวการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณในครั้งนี้ ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งทั้งอาจจะตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม โดยครั้งแรก ในเหตุการณ์ระเบิดเครื่องบินของสายการบินไทย ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ หรือดอนเมือง ราวปี 2544 ครั้งนั้น เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาทและไฟลุกท่วมห้องเครื่อง โดยเหตุเกิดขึ้นก่อนที่พ.ต.ท.ทักษิณ และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย จะเดินทางด้วยเครื่องบินในครั้งนั้นไม่กี่ชั่วโมง
หลังเกิดเหตุขึ้น มีการพุ่งประเด็นไปที่ "การลอบสังหาร" ทันที แม้แต่ผบ.ตร.ในขณะนั้น คือพล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ยังให้สัมภาษณ์เป็นการชี้นำว่า สาเหตุที่เครื่องระเบิด ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่อาจจะเป็นการก่อวินาศกรรม ซึ่งก็หนีไม่พ้นการลอบสังหารตัวพ.ต.ท.ทักษิณนั่นเอง
แต่ภายหลังไม่นาน คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการสืบสวน สอบสวนจนเป็นที่แน่ชัด รวมทั้งผลการยืนยันสาเหตุของผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ได้สรุปผลออกมาตรงกันว่า มันเป็นแค่เพียง "อุบัติเหตุ" ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเปิดแอร์บนเครื่องนานเกินไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร"พ.ต.ท.ทักษิณ"แม้แต่ปลายเล็บ
ถัดมาอีก 5 ปี ในปี 2549 เหตุการณ์ลอบสังหาร"พ.ต.ท.ทักษิณ" หวนกลับมาเลื่องระบือลือนามไปทั่วประเทศ รวมทั้งต่างประเทศทั่วโลกด้วย ก็เพราะยุทธการ"คาร์บอมบ์" ที่ภายในบรรจุระเบิดซีโฟร์ พร้อมที่จะทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า โดยจุดเกิดเหตุ ห่างจากบ้าน"จันทร์ส่องหล้า"ของพ.ต.ท.ทักษิณประมาณ 1 กม. อยู่ตรงบริเวณใต้สะพานลอยข้ามแยกบางพลัด ซึ่งเป็นเส้นทางรถขบวนของพ.ต.ท.ทักษิณจะต้องวิ่งผ่าน และหลังเกิดเหตุ ยังมีการจับกุมนายทหารระดับต่างๆจำนวนหลายนายให้ตกเป็นจำเลยในคดีนี้ รวมทั้งคำสั่งปลด"พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี" รองผอ.กอ.รมน.พ้นจากตำแหน่งด้วย และสุดท้าย พนักงานสอบสวนได้สั่งฟ้องนายทหารที่ตกเป็นจำเลยเหล่านั้น ขณะนี้ คดีอยู่ในศาลทหาร ไม่มีความคืบหน้า
ต่อมา เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกรัฐประหาร ต้องระเห็ดไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลาปีกว่า และเมื่อวันที่เดินทางกลับมายังประเทศไทยเป็นครั้งแรก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เข้าพักที่บ้านจันทร์ส่องหล้า แต่กลับไปเช่าเหมาชั้นโรงแรม แพนนินซูล่า พักอาศัยช่วงระยะเวลาหนึ่ง นัยว่า "ทีมงานห้อย"จัดให้ เพื่อความปลอดภัย และจะไม่ตกเป็นเป้านิ่งของการลอบสังหาร!
มาบัดนี้ กระแสข่าวการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ถูกปูดขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ทราบแน่ชัดว่าต้องการจุดประสงค์ใด แต่เชื่อว่า ทีมงานพ.ต.ท.ทักษิณ คงยังไม่หมดกิ๋น ต้องหันไปใช้มุกเดิมๆเพื่อขอคะแนนสงสาร ซึ่งเราได้แต่เฝ้าภาวนาไม่ให้เกิดการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณเช่นเดียวกัน ใช่ว่าจะรัก"ทักษิณ" แต่ไม่อยากให้พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องมีอันเป็นไปจากการลอบสังหาร เพราะเราเชื่อว่า การลอบสังหาร ไม่สมควรที่จะเป็นจุดจบของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่คำพิพากษาของศาลสถิตย์ยุติธรรมต่างหาก ที่จะต้องเป็นจุดจบของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร!
"แดนแรกรับ ยินดีต้อนรับครับ พะนะทั่น"..!!!