xs
xsm
sm
md
lg

ความรุนแรงต่อเด็กและผู้หญิง...จากคดีฆ่า ข่มขืน ถึงทำร้ายร่างกายดาราสาว

เผยแพร่:   โดย: ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย

พักนี้มีข่าวครึกโครมสะเทือนขวัญในสังคมไทย ข่าวการกระทำความรุนแรงต่อเด็กและผู้หญิงเกิด ขึ้นเกือบทุกวัน

นับตั้งแต่ข่าวข่มขืนแล้วโยนร่างจากรถไฟ ฆ่าโหดเด็กหญิงบนตู้รถนอนสายใต้ในพื้นที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยคนร้ายเป็นพนักงานบนรถไฟ

ข่าวข่มขืนนักเรียนหญิงในบ้านพักครูที่โรงเรียนโดยกลุ่มนักเรียนชาย ข่าวคุณยายวัย เจ็ดสิบเศษ ถูกเจ้าหน้าที่เอ็กซเรย์ข่มขืนในห้องเอ็กซเรย์ของโรงพยาบาล

ครับเป็นข่าวฆาตกรรม ทารุณกรรม ที่กระทำต่อเด็กหญิงและคนชรา ในสถานที่สาธารณะ ไม่ใช่ที่ เปลี่ยวห่างไกลผู้คน แต่เป็นที่มีคนตั้งมากมาย บนรถไฟ ในโรงเรียน ในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นที่ที่ควรจะ ปลอดภัย และแม้เป็นเวลากลางวัน ก็ยังไว้วางใจไม่ได้เลย

มาจนถึงข่าวสะพัดในโซเชียลเน็ตเวิร์ค หญิงหน้าคล้ายดาราสาวที่ชื่อเจนี่ ถูกทำร้ายร่างกายช้ำเขียวทั้งหลังแขนและใบหน้าหลังประกาศจดทะเบียนสมรสกับเศรษฐีหนุ่มใหญ่ชนิดหม้อข้าวยังไม่ทันดำ

เพราะความเป็นดารา พราะเธอมีสามีตีตราจดทะเบียนสมรสกับนักการเมืองอดีตสามีดารานักร้องดัง เรื่องจึงอึกทึกครึกโครมผู้คนสนใจอยากรู้ข่าวของเธอเป็นพิเศษ

ไม่รวมข่าวปลีกย่อยอีกมาก รวมทั้งเหตุการณ์ทำนองนี้ที่ไม่เป็นข่าว หรือไม่เป็นคดีความทางกฎ หมายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพราะความอับอาย เพราะอิทธิพลอื่นๆ หรือเพราะความไม่มั่นใจไม่ไว้วางใจต่อระบบกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉาพะอย่างยิ่งต้นทางของคดีอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง ก็มีสถิติเกี่ยวกับคดีความผิดทางเพศ ตัวอย่างเช่น ในปี 2547 ทั่วประเทศ มีคดีข่มขืนกระทำชำเรา ตำรวจรับแจ้ง 5,041 ราย ตำรวจจับกุมได้ 1,854 รายเท่านั้น คดีทำร้ายร่างกาย รับแจ้ง 28,714 ราย จับได้ 12,245 ราย จับได้น้อยมากราว 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จับได้ไม่ถึงครึ่ง

ข้อมูล กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2549 พบเด็กและสตรีถูกทำร้าย 13,550 ราย เฉลี่ย 37 รายต่อวัน กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ถูกกระทำเป็นเด็กผู้หญิง และความรุนแรงที่กระทำมากที่สุด ได้แก่ การทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศ ถึงร้อยละ 95

ความรุนแรงที่ผู้หญิงถูกกระทำนั้นมีทั้ง ความรุนแรงทางร่างกายจิตใจและทางเพศ เช่น การด่าทอ ทุบตี ทำร้ายร่างกายให้บาดเจ็บ และข่มขืน โดยผู้กระทำการคือสามี บิดา ญาติสนิท หรือคนใกล้ชิด (ซึ่งเป็นผู้ชาย)

จากสถิติเมื่อปี พ.ศ.2549 ศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรีมูลนิธิเพื่อนหญิง พบว่า บุคคลที่เป็นอันตรายกับผู้หญิงมากที่สุดคือ คนคุ้นเคย (ร้อยละ 84) รองลงมาคือบุคคลแปลกหน้าหรือไม่รู้จัก (ร้อยละ 11) สถานที่ที่ผู้หญิงถูกกระทำรุนแรงมักเป็นสถานที่ที่ผู้หญิงรู้จัก คุ้นเคย หรือเคยไปมาแล้ว (ร้อยละ 44) อาทิ ห้องหรือบ้านของผู้กระทำ บ้านญาติ บ้านของเหยื่อ วัด ที่ทำงาน หรือสถานที่ที่ผู้หญิงมั่นใจว่าไม่น่าเกิดอันตรายกับตนเอง

สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กและสตรีในช่วงเดือนตุลาคม 2553-กันยายน 2554 ของประเทศไทย มีรายงานที่น่าสนใจ พบว่า ผู้รับบริการในศูนย์พึ่งได้มีจำนวน 22,565 ราย เด็กที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงมีจำนวน 11,491 ราย เป็นเพศชาย 1,214 ราย และเพศหญิง 10,277 ราย

สตรีที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงมีจำนวน 11,074 ราย .เด็กส่วนใหญ่ถูกกระทำความรุนแรงทางเพศ และสตรีส่วนใหญ่ถูกกระทำความรุนแรงทางกาย

ผู้กระทำความรุนแรงส่วนใหญ่เป็นเพศชายและเป็นคู่สมรส และผู้ถูกกระทำความรุนแรงส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง

ความปลอดภัยในชีวิตของผู้คนทุกเพศทุกวัยเป็นเรื่องที่สังคม และอำนาจรัฐ กลไกรัฐ ต้องดูแลให้ หลักประกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและสตรี ยิ่งต้องดูแลการถูกกระทำด้วยความรุนแรง อย่างจริงจังในทุกระดับ

ระดับโลก สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ มีปฏิญญาว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรี ตามมติที่ประชุมใหญ่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2536

สหประชาชาตินิยามความรุนแรงต่อสตรี หมายถึงการกระทำใดๆที่เป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นจาก อคติทางเพศเป็นผลให้ เกิดความทุกข์ทรมานแก่สตรี รวมทั้งการขู่เข็ญ คุกคามกีดกันเสรีภาพสตรีทั้งในที่ สาธารณะและในชีวิตส่วนตัว

หมายรวมถึง ความรุนแรงทางเพศต่อร่างกายและจิตใจ ที่เกิดขึ้นทั้งภายในครอบครัวหรือชุมชน ความรุนแรงด้วยการทุบตี ลวนลาม ข่มขืน ทารุณกรรม ขู่เข็ญ คุกคาม ทั้งในที่สาธารณะ สถานที่ทำงาน สถาบันการศึกษาฯลฯ

ผมว่าบ้านเมืองของเราทุกวันนี้ อยู่อยากเต็มที คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่จำนวนมากทีเดียวที่ตัดสินใจไม่แต่งงาน หรือแต่งงานแล้วไม่ขอมีลูก เพราะเห็นว่าชีวิตไม่ปลอดภัยไม่มีหลักประกัน รอบตัวมีภัยคุก คามสารพัด ทั้งภัยจากมนุษย์และภัยธรรมชาติ มันหนักหนาสาหัสยิ่งขึ้นทุกวัน ยิ่ง อนาคตยิ่งมืดมิด

คนเป็นพ่อแม่ของลูกสาว แทบจะนึกไม่ออกเลยว่า จะดูแลระมัดระวังลูกสาวให้ปลอดภัยได้อย่าง ไรในสังคมแบบนี้ มีแม่มีคุณยายแก่ชรายังถูกทำร้ายได้ลงคอแม้แต่ในโรงพยาบาล

แทนที่รัฐและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงต่อเด็กและผู้หญิง จะทำหน้าที่อย่างจริงจัง หรือมีสำนึกในเรื่องเหล่านี้ ตัวอย่างจากการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อเกิดการข่มขืนแล้วฆ่าอย่างทารุณ ผู้ว่าการรถไฟไม่คิดจะลาออกแสดงความรับผิดชอบ จนคสช.ต้อง ประกาศปลดออกจากตำแหน่ง

ยิ่งการรถไฟยื่นอุทธรณ์คดีหญิงสาวปริญญาโทถูกข่มขืนบนตู้นอนรถไฟเมื่อหลายปีก่อน เพื่อบ่าย เบี่ยงการจ่ายค่าเสียหายตามคำสั่งศาลชั้นต้น มันยิ่งน่าอนาถใจกับทัศนะความรู้สึกนึกคิดของผู้มีอำนาจผู้บริหารของการรถไฟ

ผมว่าภาครัฐ หน่วยงานของรัฐ กลไกของรัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งกฎหมาย ตำรวจ กระบวนการยุติธรรม ต้องลงแรงเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ จะค่อยๆคืบค่อยๆคลานต้วมเตี้ยมต่อไปไม่ได้แล้วครับ เวลานี้มีกลุ่มคนออกมารณรงค์เรื่องบทลงโทษผู้ร้ายฆ่าข่มขืน ผมว่าต้องเอามายกเครื่องกันทั้งระบบนั่นแหละ ต้องขจัดเงื่อนไขต่างๆที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรง

ภาคประชาสังคมต้องมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ทั้งระดับกว้างและลึก การปรับเปลี่ยนทัศนะความคิด เรื่องสิทธิเสรีภาพเสมอภาคความเท่าเทียมทางเพศ ให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังป้องกันปัญหา ครอบครัวและโรงเรียนควรมีบทบาทสำคัญในการดูแลปลูกฝังทัศนะคติขจัดความรุนแรง

เด็กและผู้หญิงควรรู้เท่า ทัน มีความสามารถพื้นฐานในการ ปกป้องตนเอง ชุมชนและ สังคมต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา ใส่ใจช่วย เหลือเด็กและผู้หญิง

สังคมดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องช่วยกันสร้างครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น