xs
xsm
sm
md
lg

จะจบยังไง

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

พยายามเปิดตำราเทียบเคียงเช่นทฤษฎีโกลาหล (Chaos Theory) ดูว่าเหตุการณ์บ้านเราตอนนี้เข้าข่ายคำอธิบายที่ว่าแค่ไหนอย่างไร ด้วยข้อจำกัดของสมองและความที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทฤษฎีที่ว่ามากนักเลยมองไม่เห็นว่าเข้าข่ายทฤษฎีนี้หรือเปล่าและทางออกจะอยู่ที่ไหน แต่ที่แน่ๆ สภาวะโกลาหล หรือ Chaos น่ะกำลังเกิดขึ้นอยู่ตำตาแน่แท้เทียว

ลมพัดมาหวือๆ จะเป็นผีเสื้อกระหยับปีกหรือเปล่านั้นไม่แน่ใจรู้แต่เพียงลมพายุใหญ่พัดมาแล้ว

ทฤษฎีฝรั่งอาจจะซับซ้อนเกินจึงหาวิธีทำความเข้าใจกับตัวเองง่ายๆ ว่าคงจะเหมือนกับน้ำป่าที่ทะลักไหลลงจากเขา ปริมาณน้ำมหาศาลที่ไหลบ่าลงมาอย่างรวดเร็วกวาดทำลายระบบนิเวศเดิมของป่าอันมีเสือสิงห์กระทิงแรดเป็นเจ้าปกครอง พอน้ำมาเจ้าเสือพลันหลุบหางเผ่นไปทางบางบอน กระทิงหัวล้านซุกตัวในศอ.รส. ส่วนแรดตะแล้ดแต้ดแต๋หนีไปอยู่ทางอีสานของป่า สภาพแวดล้อมดั้งเดิมของป่าเช่นหนองน้ำ โป่งเกลือ ทางเดินหรือด่าน ฯลฯ ย่อมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากนี้ไปไม่แน่ว่าหนองน้ำที่เจ้านางแรดใช้นอนแช่ผึ่งเดิมนั้นอาจจะถูกจระเข้ใหญ่ที่ลงมาจากต้นธารยึดครองไว้กับตัวเลยทีเดียว เช่นเดียวกับสรรพสัตว์ใหญ่น้อยคงต้องปรับตัวและพฤติกรรมกันใหม่พอสมควร พวกที่หากินแถวธารน้ำคงต้องสำเหนียกตื่นตัวมากขึ้นเพราะน้ำป่าแบบนี้อาจกวาดมาอีกก็ได้

นอกจากการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่เปลี่ยนนิเวศภูมิศาสตร์อำนาจแล้ว นี่ยังเป็นการประลองกำลังทำสงครามของพลังอำนาจสองกระแสที่ยังไม่รู้ผลแน่ชัด

ภายใต้สภาวะสงครามใหญ่ที่มีคู่ประลองสองฝ่าย ใครจะเข้าไปแทรก/ไปเบี่ยงเบน/ไปห้าม/ไปแนะนำหรือประกาศตัวเดินอีกเส้นทางคงทำได้ยากไม่ว่าฝ่ายไหนก็เหอะ ลองคิดดูว่าถ้ามีส.ส.เพื่อไทยหัวก้าวหน้าบังอาจเสนอดังๆ ว่า ทักษิณเจ๊แดงประกาศไปเลยว่าจะไม่เข้ามาเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยแล้วและจากนี้เพื่อไทยจะกระจายอำนาจเพื่อให้รัฐมนตรีเหลืองบประมาณนิดเดียวเจ้าส.ส.คนนั้นคงจะถูกเชือดต่อจากจ่าประสิทธิ์เป็นแน่แท้

เช่นเดียวกันทางฝั่งไล่รัฐบาลกำนันสุเทพที่งัดไม้เรียวมาฟาดก้นกรณ์ จาติกวนิชโชว์ให้เห็นแล้ว บรรดากองเชียร์นกหวีดในโลกไซเบอร์ก็ทำหน้าที่ปกป้องแนวทางกระแสหลักของกำนันอย่างแข็งขัน ประมาณว่าใครที่คิดต่างออกไปแม้แต่นิดเดียวก็จะถูกค่อนขอดสวมหมวกให้กลายเป็นพวกโลกสวย พวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำได้ง่ายๆ เช่นกัน

น้ำเชี่ยวอย่างขวางเรือ – นาทีนี้คนเขาทำกำลังทำสงครามขับเคี่ยวพันตูใครอย่าไปขวาง หรือพยายามหาทางออกอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผลแพ้ชนะ

เขียนในเฟซบุ้คอุปมาเหมือน อั้งชิกกง กับ อาวเอี้ยงฮง ทำสงครามครั้งสุดท้ายประลองกำลังกันไปหยุดไม่ได้ถอยไม่เป็นสภาพการณ์บีบบังคับให้ต้องปะทะฝ่ามือพิสูจน์กำลังภายในแบบหักหาญใครผ่อนก็ไม่ได้เพราะจะไหลรูดเพลี่ยงพล้ำถึงตายต้องกัดฟันเดินหน้าสู้ไป ในตอนนั้นเอี้ยก้วยผู้มีพลังฝีมือเป็นรองอยู่มากไม่สามารถเข้าไปแทรกได้ ต้องรอจนกระทั่งแรงปะทะสองฝ่ายเริ่มเสื่อมโทรมปรับตัวลงมานั่นแหละพลังอำนาจสายที่สามจะเข้าไปแทรกแซงหาทางอื่นกันไป พลังอำนาจที่สามไม่ใช่แค่กองทัพหรอกนะ ธรรมเนียมวัฒนธรรมไทยมีพลังอำนาจอื่น และล่าสุดพลังอำนาจของประชาชนก็ผุดขึ้นมาเป็นพลังที่สี่แล้ว

ใครถามว่าจะจบยังไง?...ให้ตอบตอนนี้คือไม่รู้ว่ะ(ครับ)...เพราะการเมืองไทยตอนนี้ก็เหมือนกับยอดฝีมือกำลังปะทะกันใครห้ามไม่ได้ ใครถอยก่อนก็ไม่ได้ รูดเอาถึงแพ้หมดตูดไม่มีแผ่นดินอยู่

ต้องรอสักระยะไว้ฝุ่นหายตลบค่อยเห็นชัดขึ้นว่าผลออกยังไง !

ผมยังไม่คิดในแง่ร้ายถึงขนาดทหารยกมาปฏิวัติรัฐประหารหรอกครับแม้จะมีความเป็นไปได้ตามทฤษฎีอยู่บ้างหากเป็นแบบนั้นทหารก็นับถอยหลังจากอำนาจได้ทันทียุคนี้รัฐประหารทำได้ยากแล้ว จะยกเว้นก็แบบฟิลิปปินส์ที่ทหารประกาศอยู่กับข้างใดข้างหนึ่ง

แล้วหากถามว่ามีทางออกอื่นมั้ย ตอบว่าเมื่อก่อนมีหลายทางตอนนี้ยังนึกไม่ออกครับ

ผมนั้นน่ะอยู่ฝ่ายที่อยากเห็น “ผลลัพธ์” ของการปฏิรูปมากกว่าการได้อำนาจรัฐหรือการปฏิวัติประชาชน เพราะเชื่อว่าหากมีการปฏิรูปใหญ่ๆ สำเร็จเช่นการปฏิรูปการกระจายอำนาจ การปฏิรูประบบตรวจสอบและคุณธรรม การปฏิรูปความเหลื่อมล้ำก็จะเกิดผลต่อการสร้างสภาพแวดล้อมทางการเมืองใหม่อยู่ดี แค่ทำให้มีการปฏิรูปเกิดขึ้นประชาชนก็จะชนะในบั้นปลาย แต่เส้นทางสายนี้มันเลยมาแล้ว ยูเทิร์นไปคงไม่ได้แล้วผมก็ได้แต่ขอกระโดดลงจากขบวนรถแต่ก็ไม่ไปไหนเฝ้าวนเวียนช่วยเชียร์ประชาชนผู้โดยสารให้ไปถึงสถานีปฏิรูปใหญ่ให้ได้

บอกตรงๆ ว่ามองจากสายตาคนเฝ้าสังเกตอยู่ด้านข้างยังมองไม่เห็นว่ากำนันจะไปถึงธงชัยเป้าหมายให้รัฐบาลลาออกหมดแล้วรองประธานวุฒิสภาเสนอชื่อทูลเกล้าฯ ตั้งนายกรัฐมนตรีใหม่ได้ยังไง แต่หากลดเป้าเหลือแค่ให้ยิ่งลักษณ์ถอดใจไม่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วนั่นง่ายกว่าเยอะ

แต่ยังไงก็ยังเชื่อและเชียร์ให้มวลมหาประชาชนออกจากบ้านเป่านกหวีดไปจนถึงที่สุดเพราะเชื่อว่า “กระบวนการ” ก็มีผลดีในแง่ของกระบวนการไม่จำเป็นต้องไปถึงสุดทางก็ได้

ไหนๆ เลยจุดยูเทิร์นทางแยกทั้งหลายมาหมดแล้วก็มุ่งหน้าเดินไปให้สุดกันดูสักที

ไม่แน่ว่าผลลัพธ์หรือผลสำเร็จรวมไปถึงทางออกสวยๆ ที่เรียกว่ากระบวนการอภิวัฒน์สังคมอาจอยู่ที่ระหว่างทางก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปถึงธงที่ปักไว้หรอก

คนที่ออกจากบ้านแต่แรกเขาไม่ได้ออกไปเพื่อประชาธิปัตย์หรือเพื่อกำนันหรอก แต่เพราะเขาอึดอัดทนไม่ได้ ส่วนใหญ่ต้องการระบายและแสดงเจตนาว่าไม่เอาแล้ว/ไม่เชื่อแล้วกับนักการเมืองแบบที่กินเมืองมาสองปี แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างถึงที่สุดด้วยการเดินออกจากบ้านนัดหมายกี่รอบก็ออก ก่อนหน้านี้เหมือนจะแผ่วๆ ลงแต่พอธาริตอายัดบัญชีแกนนำเท่านั้นคนก็ออกมาอีกเพราะประชาชนเขารับไม่ได้กับอำนาจบาตรใหญ่เกินขอบเขตแบบที่รัฐบาลทำมาโดยตลอดรัฐบาลก็ยังไม่รู้ตัวอีก

โดยส่วนตัวผมเชื่อนะว่าพรรคเพื่อไทยยังไงก็หนีการปฏิรูปไม่ออกเพราะกระแสสังคมมาทางนี้แล้ว แต่โชคร้ายที่ไม่มีใครเชื่อ... รัฐบาลบอกว่าสัญญาจะปฏิรูปเชิญมาเวทีพูดคุยคนก็ไม่เชื่อแล้ว นี่เป็นวิกฤตศรัทธาของนักการเมือง คำพูดของนักการเมืองเชื่อถือไม่ได้ ประกาศอย่างทำอีกอย่างเป็นเด็กเลี้ยงแกะที่พอหมาป่าออกมาจริงๆ ก็ไม่มีใครเชื่อแล้วว่าพูดจริง ดังนั้นต่อให้พรรคเพื่อไทยสัตยาบันทำยังไงคนก็ไม่เชื่อยกเว้นลงมือทำจริง แน่จริงเอาร่างกฎหมายกระจายอำนาจออกมา ร่างกฎหมายเพิ่มภาษีคนรวยถือที่ดินออกมา ร่างภาษีมรดกออกมาสิ

ประชาธิปัตย์หรือเครือข่ายของฝ่ายกำนันเองก็เถอะ เพราะแม้จะมีพันธมิตรในม็อบเสนอปฏิรูปพลังงานยังไงแกนนำก็ไม่เอาด้วย ตัวแบบสภาประชาชนและรัฐบาลแต่งตั้งเหมือนจะเป็นทางออกแต่มันต้องให้หลักประกันกับคนที่อยู่กลางๆ ด้วยเพราะตอนนี้สังคมคนกลางๆ เขาก็ยังระแวงเช่นกันอย่าคิดว่ามีแต่นักวิชาการฝ่ายแดงหรือนปช.เท่านั้นที่ตั้งป้อม ดังนั้นท่านต้องคิดถึงคนกลางๆ เอาไว้ให้จงหนักมิฉะนั้นอาจจะมีนกหวีดจากคนกลางๆ มาไล่ท่านต่อไปในอนาคต

สงครามของสองฝ่ายไม่มีเทพ-มารหรอกย้ำกันมาตั้งแต่แดงครองเมืองจนตอนนี้แดงตะแล้ดแต้ดแต๋หนียะย่ายพ่ายจะแจก็จะยังย้ำอยู่ เพราะการเมืองเป็นสีเทา ในฝ่ายเทพมีมาร/ในฝ่ายมารมีเทพ มีถูกผิดกันทุกคนทุกฝ่ายตั้งแต่ระดับปัจเจกไปจนถึงระดับองค์กร... เลือกแบบเทาอ่อนที่สุดเป็นใช้ได้

สรุปคือขี้สนิมน่ะมีทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ มากน้อยต่างกันแค่นั้น !

พลังยักษ์ใหญ่สองฝ่ายชักคะเย่อแบบที่เป็นอยู่นี้มันดีอย่างก็ตรงที่จะได้กะเทาะร่อนเอาบรรดาขี้สนิม ซากเศษเดนของไม่ดีทั้งหลายของทั้งสองฝ่ายทิ้งไป กระบวนการแบบนี้ทำให้รู้เช่นเห็นชาติว่าอะไรของแท้ของปลอม เช่นต้องขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่เริ่มตื่นกับกระแสสังคมไม่ส่งจ่าประสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้ง แล้วก็ได้เห็นว่าที่แท้แกนนำนปช.ก็หมดพลังจะดึงดูดแดงทั้งแผ่นดินมารับใช้พรรคแล้วเดี๋ยวรอดูรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ผู้สมัครเขตคงได้เห็นว่าเหลือแกนนำสักกี่คนที่รอดเข้าไปได้

การที่ประชาชนออกมากระทืบเท้าให้สะเทือนเลื่อนลั่นแสดงฤทธิ์เดชกันต่อโดยไม่สนใจหีบเลือกตั้ง ไม่ใช่เขาไม่อยากเลือกตั้งหรอกนะ แต่ขอแสดงฤทธิ์เดชของประชาชนให้นักการเมืองดูเสียก่อนว่าทำผิดไปแล้วไม่รับผิดแถมหลบหนีเข้าหลังหีบเลือกตั้งก็หนีไม่พ้นหรอก ขอทำโทษดุด่าให้มันหายโกรธเสียก่อน

ให้นักการเมืองและทุนการเมืองได้เห็นว่าต่อไปจะเหิมห่ามย่ามใจใช้อำนาจแบบเดิมไม่ได้แล้วนะ จะต้องมีวาจาสัตย์นะ ใช้อำนาจบาตรใหญ่พวกมากลากไปไม่ได้นำ ทำโครงการน้ำต้องมีแบบแปลนนะ กินข้าวเป็นแสนล้านไม่ได้แล้วนะ นี่คือการเป่านกหวีดเขย่าขี้สนิมสังคมสังคายนากันครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง ผมเป็นฝ่ายที่ไม่เชื่อว่าความอลหม่านอลเวงมันจะยาวนานจะไม่มีที่สิ้นสุด เพราะยังไงๆ ก็ต้องมีวันจบ

ฝรั่งว่าไว้ Thailand only! ก็ถูกของฝรั่ง ซัดกันอยู่ดีๆ แก๊สน้ำตาเต็มเมืองอีกวันอ้าวกอดกันแล้ว ทำความสะอาดถนนเฉลิมฉลองกันใหญ่แล้วหลังจากนั้นสังเกตมั้ยครับไม่มีแล้วยุทธการแบบเดิม...ไม่มีแก๊สน้ำตาไม่มีปราบจลาจลและก็ไม่มีการบุกยึดสถานที่ราชการ มันไม่ใช่อนาธิปไตยแบบที่ต่างประเทศเขาเป็น ในท่ามกลางความสับสนอลหม่านไม่เป็นไปตามกรอบและระบบเดิมๆ มันก็ยังมีร่องรอยของความเป็นระเบียบและระบบซ่อนอยู่

ในประกายดาบกระบี่ถี่ยิบก็ยังมีกระบวนท่าไว้ไมตรีซ่อนไว้อย่างแนบเนียน!

ผมเชื่อของผมว่าในท่ามกลางความสับสนอลเวงฝุ่นตลบในตอนนี้มันยังมีทางออกสวยๆ อยู่ แล้วขอเชียร์รัฐบาลให้ให้โอกาสนี้สลัดร่อนเอาสิ่งชั่วช้าทำผิดทั้งหลายออกไปเหลือแต่หลักการและข้อดีของฝ่ายตัวแล้วก็ใช้พลังด้านดีอันนั้นมาฉุดกระชากให้ของไม่ดีของอีกฝ่ายหลุดออกไปเช่นกัน

แม้ว่าในท่ามกลางฝุ่นตลบนาทีนี้ไพ่ยังสามารถออกมาได้ทุกหน้าตั้งแต่เลวสุดยันดีสุดแต่ผมยังเชื่อตามประสาผมเองว่ายังมีทางออกอื่นที่ไม่ใช่แพ้ชนะเด็ดขาด ผลไม่น่าจะออกแบบที่กำนันปักธงเพื่อไทยยกธงขาวศิโรราบหรือว่าเพื่อไทยเถลิงอำนาจต่อแล้วจับกำนันเข้าคุกประชาชนชาวนกหวีดก้มหน้ารับชะตากรรมอันนี้ก็ไม่น่าใช่หรอก

ใช้ทฤษฎีอะไรมาจับก็มองไม่ออก ได้แต่ใช้ความรู้สึกล้วนๆ ว่า...ในระหว่างพลังสองสายปะทะกันอยู่นี้ยังพอมีทางออกสวยๆ ได้เสมอตราบใดที่ยังไปไม่ถึงสุดทาง !
กำลังโหลดความคิดเห็น