สรส.บุกประปานครหลวง-ประปาส่วนภูมิภาค ร้องพนักงานร่วมไล่ ด้านเวทีศูนย์ราชการ-ราชดำเนินยังเงียบ ฝั่ง คปท.เริ่มเคลื่อนทัพ ไป บก.ทบ. อโศกคึก “มาร์ค-กรณ์” นำไปสถานทูตมะกัน ทัพตึกอิสสระไปพรรคเพื่อไทย
วันนี้ (29 พ.ย.) ที่หน้ากระทรวงการคลัง ประตู 2 สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ตั้งขบวนเคลื่อนมวลชนไปที่สำนักงานการประปานครหลวง สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค โดยให้มวลชนได้นั่งบนรถที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ ทั้งนี้ นายคมสันต์ ทองศิริ รองประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวในวันนี้เนื่องจากเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญของทั้ง 2 สำนักงาน จึงต้องการไปเชิญชวนให้พนักงานรัฐวิสาหกิจออกมาแสดงอารยะขัดขืนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ในการโค่นล้มระบอบทักษิณและร่วมต่อสู้กับเคียงข้างกับประชาชน
ขณะที่เวทีประชาชนต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและขับไล่ระบอบทักษิณ ที่ถนนราชดำเนิน ยังคงดำเนินไปอย่างเรียบร้อย ซึ่งยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเตรียมเคลื่อนขบวนไปสมทบกลุ่มผู้ชุมนุมที่ศูนย์ราชการฯ เพื่อรอฟังท่าทีของนายสุเทพ ขณะที่บริเวณด้านข้างเวทีปราศรัยได้มีผู้ที่สนับสนุนการชุมนุมนำชุดชั้นในมาแจกจ่ายให้แก่ผู้ชุมนุมที่เป็นสุภาพสตรีที่มาร่วมปักหลักชุมนุมมาหลายสัปดาห์ ส่วนการประกอบอาหารได้มีการเตรียมนำข้าวกล่อง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ชุมนุมในเวทีคู่ขนานที่กระทรวงการคลัง และศูนย์ราชการฯ
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำหลักของเวที ได้ประกาศบนเวทีปราศรัยว่า ขอให้ผู้ชุมนุมรอฟังกำหนดการ เพราะในวันนี้แกนนำทั้ง 3 เวทีจะมีการประชุมร่วมกัน เพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนต่อไป เนื่องจากจะเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ และจะมีผู้มาร่วมชุมนุมในวันที่ 30 พ.ย. เป็นจำนวนมากกว่าแสนคน แต่ในวันนี้ที่เวทีราชดำเนินยังคงไม่มีการเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่ต่างๆ รวมทั้งขอให้ผู้ชุมนุมช่วยกันดูแลความเรียบร้อยภายในพื้นที่ด้วย
ทางด้านเวทีศูนย์ราชการ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกลุ่มมวลชนต่อต้านระบอบทักษิณ กล่าวว่า เวทีการชุมนุมจะยังคงปักหลักใน 3 จุด ที่ ถ.ราชดำเนิน กระทรวงการคลัง และศูนย์ราชการ สำหรับการเคลื่อนไหวในวันนี้ จะมี 3 จุด ขบวนแรก เป็นกลุ่มมวลชนที่รวมตัวกัน ย่านอโศก และจะเคลื่อนขบวนไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ในเวลา 11.00 น. เพื่อยื่นหนังสือให้กับสถานทูต จุดที่ 2 คือ ที่อาคารชาญอิสสระ ถ.เพชรบุรี เตรียมนำมวลชนเคลื่อนไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย และกลุ่มสุดท้าย เป็นสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ รวมตัวกันที่กระทรวงการคลังจะเคลื่อนไปยังการประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค
ส่วนเวทีการชุมนุมที่ศูนย์ราชการถนน แจ้งวัฒนะนั้น นายเอกนัฎกล่าวว่า จะยังไม่เคลื่อนไปที่ไหน แต่จะรอระดมมวลชนให้เข้ามาร่วมสมทบ ซึ่งตนหวังว่าภายในสองวันนี้จะมีผู้มาเข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมากเหมือนวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และพร้อมยกระดับการชุมนุมสูงสุดทันที ส่วนจะยกระดับเพื่อปิดฉากการชุมนุมหรือไม่นั้น ต้องรอฟังการแถลงการณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำคนสำคัญ เป็นผู้ชี้แจง ทั้งนี้ตนไม่รู้สึกกังวลที่ทั้งนายสุเทพ และนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต่างมีความเห็นไม่ตรงกันในจุดยืนทางการเมือง เพราะเข้าใจว่าทั้งสองฝ่ายมีความชัดเจนในจุดยืนของตัวเอง แต่เชื่อว่ามีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการล้มระบอบทักษิณ ส่วนการจัดตั้งสภาประชาชนนั้น แกนนำได้มีการพูดคุยกันมาอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณก็พร้อมเปิดรับประชาชนทุกกลุ่มมาร่วมพูดคุย ที่ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดง
ขณะที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ข้าราชการของดีเอสไอยังคงเดินทางเข้าทำงานเหมือนเช่นทุกวัน แต่บริเวณโดยรอบอาคาร เจ้าหน้าที่ได้นำรั้วเหล็กมากั้นไว้โดยรอบ เหลือเพียงทางเดินเข้าออกเพียงช่องทางเดียว ส่วนบริเวณประตูทางเข้าออกอาคารและภายในตัวอาคารเกือบทุกชั้น มีการนำรั้วลวดหนามมาวางไว้ ป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปภายใน แต่ไม่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยแต่อย่างใดและจนถึงขณะนี้ยังไม่มีมวลชนเข้าไปที่อาคารของดีเอสไอ
เวลา 11.00 น. ที่แยกนางเลิ้ง เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา นำมวลชนเคลื่อนขบวนจากจุดที่ตั้งไปถนนยมราช โดยยังไม่ระบุจุดหมาย
เวลา 11.25 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตีพิมพ์ภาพถ่ายตนเองลงบนเว็บไซต์เฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva ระบุว่า กำลังเดินทางไปชุมนุมที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศก ขณะที่ล่าสุดเริ่มมีมวลชนมารออยู่ที่บริเวณดังกล่าวแล้ว
เวลา 11.34 น. ที่อาคารชาญอิสสระ 2 ถ.เพชรบุรี มวลชนได้รวมตัวกันจำนวนมากนำโดยนางศรีวรา อิสสระ เดินขบวนไปพรรคเพื่อไทยแล้ว
เวลา 11.44 น.ที่สถานรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศก นายอภิสิทธิ์ ,น.ส.รสนา โตสิกตระกูล ส.ว.กทม. และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ได้เดินทางมาร่วมขบวนประชาชนชาวอโศก ไปยังสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โดยขณะนี้มีมวลชนจำนวนมากกำลังเตรียมเคลื่อนขบวน
เวลา 12.00 น.ขบวนคปท.เปลี่ยนเส้นทาง เลี้ยวเข้า ถ.นครสววรค์ วกไปยังถ.กรุงเกษม มุ่งหน้าไปทางวัดโสมนัส คาดหมายว่าจะไปสถานที่ราชการในบริเวณดังกล่าว
เวลา 12.10 น.ที่การประปานครหลวง สรส.ได้เคลื่อนขบวนมาถึงแล้ว พร้อมปราศัยบนรถติดเครื่องขยายเสียง โดยนายคมสันต์ ระบุว่า สาเหตุที่ต้องออกมาเคลื่อนไหวเชิญชวนให้พนักงานการประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค ออกมาร่วมกันปฏิรูปการเมือง ก็เพราะที่ผ่านมาพนักงาน รวมถึงฝ่ายบริหารของสรส. ได้ถูกรัฐบาลพยายามกดดัน บีบบังคับไม่ให้พนักงานออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและระบอบทักษิณ โดยการนำเงื่อนไขระเบียบการลางานมาบีบไม่ให้พนักงานออกมาร่วมชุมนุมได้ โดยเฉพาะการเช็คชื่อพนักงาน การลางานของพนักงาน ทุกอย่างต้องมีเงื่อนไข ดังนั้นทางหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจจึงจำเป็นต้องออกมาร่วมกันปฏิรูปการเมือง โดยการอารยะขัดขืน
อย่างไรก็ตามในวันนี้มีหน่วยงานมาร่วมแล้ว 6 หน่วยงาน ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังการประปาส่วนภูมิภาค โดยทางด้านพนักงานให้การต้อนรับโดยการเป่านกหวีด และตบมือตบต้อนรับอย่างคึกคัก ทั้งนี้ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 1 กองร้อย มาคอยประจำการในพื้นที่ แต่นายสมชาย ศรีนิเวศน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปานครหลวงไม่ได้ประสานขอกำลังตำรวจมาประจำการแต่อย่างใด ดังนั้นจึงขอให้ตำรวจเดินทางกลับแต่ทางตำรวจยืนยันว่าได้รับคำสั่งให้มาประจำการจึงไม่สามารถกลับได้ ซึ่งการประปานครหลวงจึงจัดให้ตำรวจไปประจำการยังด้านหลังการประปานครหลวงเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน
เวลา 12.01 น.ที่สถานีรถไฟฟ้าอโศก นายพงศโพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มรักประเทศไทย ได้ขึ้นปราศรัยอ่านแถลงการณ์ของกลุ่มเพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ แบบจริงจัง และขอรวมพลังขับไล่นักการเมืองทุจริต และนักการเมืองที่ฉ้อฉล โดยมีจุดยืน 3 ข้อ 1.ร่วมมือกันประชาชน ในการแสดงออกทางการเมืองแบบสันติ อารยะขัดขืนทุกรูปแบบ เพื่อสกัดการโกงกิน 2.เปิดโปงความเลวร้ายของระบอบทักษิณต่อนานาชาติ 3.เตือนรัฐบาลอย่าลุแก่อำนาจ อย่าทรยศประชาชนด้วยการทำผิดกฏหมาย ละเมิดรัฐธรรมนูญและข่มเหงผู้เห็นต่าง หากมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน จะลุกฮือต่อต้านรัฐบาลทั่วประเทศ
ด้านน.ส.รสนา และนายไพบูลย์ ก็ได้ขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาลเช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ ที่ปราศรัยระบุว่า ยืนยันว่า ตั้งใจมาให้กำลังใจประชาชน ทั้งนี้เมื่อวาน (28 พ.ย.) ตนได้พยายามต่อสู้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้ว แต่ไม่เป็นผล เพราะขี้ข้าในสภามันมีเยอะ ทำให้ปิดการอภิปรายฯ ด้วยเสียงข้างมาก ส่วนในวันนี้ตนไม่มาในนามพรรค แต่มาขอให้ร่วมกันต่อสู้กับรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม และยืนยันว่าผู้ชุมนุมไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เหมือนกลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานีที่บุกมาทำร้ายคนของเราจนต้องเข้าโรงพยาบาล ส่วนรัฐบาลถ้าคิดว่ามีแต่ไทยเฉยให้มาดูที่นี่ ตนขอเตือนว่า อย่าคิดว่าล้มนายสุเทพ แล้วจะจบไม่มีหรอก ขณะนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไม่มีใครฟังแล้ว พร้อมถามหาความรับผิดชอบ แต่ตอบไม่ได้จบเมื่อไหร่ อยู่ที่ประชาชนจนกว่าจะได้ชัยชนะ
มีรายงานว่า นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นปราศรัยด้วยเช่นกัน โดยพบว่านายกรณ์ ได้เดินทางมาถึงเมื่อเวลา 11.40 น.แล้วเดินเข้ามาที่รถปราศรัย และอยู่บริเวณรอบๆ ไม่ได้เดินไปพบประชาชนเหมือนแกนนำคนอื่นๆ โดยมีสีหน้าที่ค่อนข้างเรียบเฉย ส่วนผู้ชุมนุมก็ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านแต่อย่างใด
เวลา 12.27 น.มวลชนจากอาคารชาญอิสสระ 2 ได้เดินทางมาถึงหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อโจมตีการทำงานของรัฐบาลและพรรค
เวลา 12.30 น.คปท.ได้เคลื่อนขบวนมาถึงหน้ากองบัญชาการกองทัพบก นายรัชต์ยุตฆ์ ศิรโยธินภักดี แกนนำ คปท.สั่งให้มวลชนที่เป็นชายฉกรรจน์ 80 คนเข้าประชิดประตู บก.ทบ. ด้านถ.ราชดำเนินทุกประตูแล้วผลักดันพังประตูเข้าไปชุมนุมภายในสนามหญ้าหน้าบก.ทบ สร้างความแตกตื่นให้กับเหล่านายทหารและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในบก.ทบ จนต้อง มีการเตรียมกำลังสารวัตรทหารบก ชุดควบคุมฝูงชน พร้อมรถน้ำมาประจำจุด ทั้งนี้ พ.อ.สุรพล ตาปนานนท์ ผอ.ส่วนสนับสนุน ทบ. ได้เข้าเจรจากับนายอุทัย และนิติธร ว่า ขอให้ควบคุมมวลชนอยู่แต่ในบริเวณสนามหญ้า บก.ทบ. เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมรุกล้ำเข้าไปภายในอาคาร โดยแกนนำได้สั่งไม่ให้มวลชนเข้าไปในตัวอาคารด้วย ก่อนเตรียมอ่านแถลงการณ์
เวลา 12.59 น.นายอุทัย ยอดมณี แกนนำ คปท.กล่าวปราศรัยบนเวทีในกองทัพบกว่า วันนี้เรา ต้องการทราบจุดยืนว่าของผู้ใหญ่ในกองทัพบกว่า คุณยังเป็นทหารของมหากษัตริย์และของประชาชนอยู่หรือไม่โดยการมาที่นี่ในวันนี้เราไม่ได้เรียกร้องให้มีการปฎิวัติอย่างแน่นอน แต่เราอยากรู้ว่าทหารจะยืนอยู่ข้างประชาชนหรือรัฐบาล โดยล่าสุดได้มีมวลชนเข้ามายึดพื้นที่สนามหญ้าของกองทัพบกเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ทางสารวัตรทหารที่ยืนอยู่ไม่ได้มาการตอบโต้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ แกนนำคปท.ได้อ่านแถลงการณ์ขอคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และกองทัพไทย เมื่อมีกลุ่มการเมืองที่มีอำนาจในการบริหารประเทศ และไม่ยอมรับหลักนิติธรรม นิติรัฐ ดังกล่าวแล้ว กองทัพไทยจะมีจุดยืนอย่างไรต่อกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อกรณีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีกลุ่มการเมืองที่เป็นรัฐบาลประกาศตัวไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาล หากผู้นำกองทัพไทย ยังอยู่นิ่งเฉยกับการแสดงออกของกลุ่มการเมืองดังกล่าว แสดงว่า ผู้นำกองทัพไทย ล้วนแล้วแต่มีส่วนร่วมในการทำลาย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จึงขอให้โปรดแสดงจุดยืนว่า จะยืนข้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน หรือจะยืนข้างกลุ่มการเมืองที่ให้ผลประโยชน์แก่ท่าน
เวลา 13.30 น.กลุ่มมวลชนชาวอโศก ได้เดินทางไปถึงสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย แล้ว โดยมีการปราศรัยเรียกร้องให้โลกไม่สังฆกรรมกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์
เวลา 13.40 น.นายนิติธร ได้ยื่นแถลงการณ์มอบให้กับ พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก เพื่อขอจุดยืนจากทางกองทัพบก โดยเลขานุการกองทัพบก กล่าวกลับผู้ชุมนุมภายหลังรับหนังสือว่า ได้รายงานให้ ผบ.ทบ.ทราบแล้วและ ผบ.ทบ.ได้มอบหมายให้ พล.ท.ศุภกร สงวนชาติศรไกร ผู้ช่วยเสนาธิการกองทัพบก ฝ่ายกำลังบำรุง เป็นผู้รับผิดชอบสถานการณ์ พร้อมทั้งกำชับว่า ให้เจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างสันติวิธี
ขณะที่มวลชนยังคงนั่งชุมนุมอยูบริเวณสนามหญ้า ภายในกองบัญชาการกองทัพบก ทั้งนี้มีรายงานพบ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตนายทหารคนสนิทประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อยู่รวมกับมวลชนด้วย
เวลา 14.16 น.ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย นายธิมโมธี พริงเคิล (Timmothy Prinkle) เลขานุการเอก ประจำสถานเอกอัครทูตสหรัฐอเมริกา หัวหน้าฝ่ายการเมืองในประเทศ ได้ออกมารับหนังสือกับผู้ชุมนุม พร้อมอนุญาติให้ตัวแทนเข้าไปภายในสถานทูต แต่เฉพาะผู้ที่เป็น ส.ส. เท่านั้น โดยมีเพียงแค่นายกรณ์ น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายอนุชา บูรพชัยศิริ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ
จากนั้น เวลา 14.25 น. ตัวแทนผู้ชุมนุมได้ออกมาจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย นายกรณ์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ภายในสถานทูตก็ต้อนรับด้วยดี ทั้งนี้ตนได้ยืนยันว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายสุเทพ กล่าวหาอย่างรุนแรงบนเวทีหลังจากที่นายกรณ์ เขียนข้อความตำหนิการยึดกระทรวงการคลังนั้น นายกรณ์ กล่าวว่า พวกเสี้ยมก็เสี้ยมกันไป พรรคไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งแนวทางพรรคชัดเจน ในส่วนของ ส.ส.ก็แยกส่วนกัน แต่ยืนยันว่ามีเป้าหมายเดียวกันคือขับไล่ระบอบทักษิณ
เวลา 14.34 น.ที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังจากที่ คปท.ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ เลขานุการกองทัพบกแล้ว ก็ได้เดินทางออกจากกองบัญชาการฯ แล้ว ทั้งนี้ทางกองทัพบกได้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ชุมนุมด้วยการนำน้ำดื่มมาแจกให้กับผู้ชุมนุม พร้อมกับนำแพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ มาตั้งโต๊ะตรวจสุขภาพให้กับผู้ชุมนุมด้วย
อย่างไรก็ตามทางด้านหลังของตึกกองบัญชาการได้มีการเตรียมรถฉีดน้ำ รถเครื่องกระจายเสียงของหน่วยปฏิบัติการจิตวิทยา รถปั่นไฟสำรอง พร้อมกับกองร้อยรักษาความปลอดภัย และสุนัขทหารเตรียมพร้อมหากเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย อย่างไรก็ตามการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบไม่มีความวุ่นวายแต่อย่างใด ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะเคลื่อนออกโดยใช้เวลาในการทำกิจกรรมภายในกองทัพบกประมาณ 3 ชั่วโมง
เวลา 15.06 น.ระหว่างที่ คปท.กำลังเดินทางจากกองบัญชาการกองทัพบก ไปยังแยกนางเลิ้ง ได้แวะพังแนวกั้นแท่งแบริเออร์ บริเวณสะพานอรไทย แยกเทวกรรม ถ.นครสวรรค์ ด้วย โดยแกนนำอ้างว่า เพื่อเปิดทางให้ชาวบ้านในพื้นที่ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทั้งนี้หากตำรวจไม่นำออกภายใน 2 วัน จะเดินทางมาอีก ก่อนจะเดินทางกลับเวทีที่ตั้ง
เวลา 15.45 น.มีรายงานว่าการ์ดเวทีราชดำเนิน จับชายต้องสงสัยได้ 1 คน ก่อเหตุนำประทัดเดินจุดโยนใส่ผู้ร่วมชุมนุม ต่อมาทราบชื่อ นายเอกลักษณ์ พุ่มรินทร์ อายุ 22 ปี เป็นชาวฉะเชิงเทรา โดยนายเอกลักษณ์ ได้พกประทัดจำนวนหนึ่งลักลอบเข้ามาทางเข้าพื้นที่ชุมนุมฝั่งสะพานผ่านฟ้า จากนั้นได้วิ่งไล่จุดใส่ผู้ชุมนุมสร้างความตื่นตระหนก แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเจ้าหน้าการ์ดอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยได้พยายามเข้าห้ามปรามและจับกุม จนสามารถจับตัวและยุติเหตุการณ์ได้บริเวณด้านร้านอาหารเมธาวลัย ศรแดง ท่ามกลางเสียงตะโกนด่าจากผู้ชุมนุมที่เห็นเหตุการณ์ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่การ์ดอาสาสมัครรักษาความปลอดภัย ได้ควบคุมตัวนายเอกลักษณไปสอบสวนเป็นการส่วนตัวภายในรถปรับอากาศของเจ้าหน้าการ์ด โดยไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าเกี่ยวข้อง ก่อนที่จะนำตัวนายเอกลักษณ์ ส่งสน.สำราญราษฎร์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี
ขณะที่บรรยากาศ การชุมนุมยังดำเนินไปอย่างปกติ โดยพล.ต.จำลอง ได้เข้ามาเยี่ยมเยียน แนวร่วมที่เต๊นท์บัญชาการหลักข้างเวทีปราศรัย จากนั้นได้เดินทักทายมวลชนในพื้นที่
เวลา 16.11 น.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือร่วมกันระหว่างแกนนำ และแนวร่วมการชุมนุมกลุ่มต่างๆ ที่ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ โดยตอบเพียงสั้นๆว่า แกนนำผู้ชุมนุมทางการเมืองทุกกลุ่มจะร่วมกันแถลงแนวทางการเคลื่อนไหวขั้นสูงสุดคืนนี้ในเวลาประมาณ 19.30 น.เพื่อทวงคืนอำนาจอันชอบธรรมของประชาชนคืนให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ ด้วยการจัดตั้งสภาประชาชนเพื่อปฏิรูปการเมือง ตามระบอบประชาธิปไตยอันที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้ ประชาชน ทยอยเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมอย่างเนืองแน่นพื้นที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะแล้วเพราะเป็นเวทีที่แกนนำประกาศเป็นจุดระดมพลังประชาชนเคลื่อนไหวทางการเมืองในค่ำวันนี้ ซึ่งเป้าหมายชุมนุมตอนนี้ไม่ใช่การขับไล่รัฐบาลหรือให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง แต่เป็นการดึงอำนาจประชาชนกลับคืนมาและยุติการใช้ระบบราชการเป็นกลไกในการแสวงหาผลประโยชน์ให้พวกพ้อง
ด้าน นายเอกณัฐ กล่าวว่า มั่นใจ แกนนำผู้ชุมนุมสามารถดูแลรักษาความปลอดภัยการชุมนุมได้ รวมทั้ง เพิ่มการเข้มงวดตรวจตราประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมด้วย โดยเฉพาะบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยจะจับตาระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการสร้างสถานการณ์นำไปสู่ความรุนแรงของการชุมนุม
กระทรวงกลาโหม ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและเจ้าหน้าทหารร่วมผูกโบว์ริบบิ้นติดกับลวดหนามที่หน้ากระทรวงกลาโหมเพื่อป้องกันประชาชนและนักท่องที่เดินผ่านไปมา จะถูกลวดหนามบาด