ระยะหลังมานี้คำว่า “เสรีนิยม” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองยุคแบ่งสีมากขึ้นทุกขณะ มีความพยายามใช้คำๆ นี้มารับใช้การเมืองในแบบเดียวกับ “อำมาตย์-ไพร่” ที่ใช้แบ่งฝ่ายกันเลอะเทอะตลอดหลายปีมานี้ เมื่อปีใหม่มติชนทีวีสัมภาษณ์รัฐมนตรีเต้นนายคนนี้ก็ยังใช้กลวิธีแบบเดิมแบ่งขั้วการเมือง พ.ศ. 2556 ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างเสรีนิยมกับอนุรักษ์นิยม แล้วก็อธิบายเป็นฉากๆ สรุปได้ว่าฝ่ายเสรีนิยมที่ว่านั่นคือฝ่ายตัวเองอันประกอบด้วยขบวนการไพร่ คนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย รัฐบาล ส่วนฝ่ายอนุรักษ์นิยมเป็นใครไม่ได้นอกจากพวกที่จ้องจะลากรถถังล้มรัฐบาลเป็นสำคัญ
วิธีการจัดขั้วเสรีนิยม-อนุรักษ์นิยม ของเต้น ณัฐวุฒิไม่ได้ต่างจากการแบ่งขั้วเทพ-มารเมื่อหลังพฤษภาทมิฬ แบ่งอำมาตย์-ไพร่ระหว่างแดงเผากรุง เพียงแต่ยกระดับให้ดูหรูหราไพร่จะได้ฟังยากขึ้นอีกหน่อย
ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วปรัชญาหรือแนวคิดแบบเสรีนิยมมันก็เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจแบบหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรเสียหายที่ใครจะเรียกตนว่าเป็นนักเสรีนิยม ขณะที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ฝรั่งเรียกว่า Conservatism นั้นก็หาใช่ยักษ์มารหรือไดโนเสาร์คิดจะย้อนยุคไปสู่สังคมกรีกโรมันจับคนมาเป็นทาสต่อสู้กันแบบหนังแกลดิเอเตอร์หรือจะเอาประเทศไทยกลับไปสู่สังคมอยุธยามีกษัตริย์แล้วก็อำมาตย์จตุสดมภ์ปกครองกันเสียที่ไหน มีหลายรัฐบาลประชาธิปไตยในยุโรปที่เป็นขวา-กลาง คือออกแนวอนุรักษ์มากมายแม้กระทั่งประเทศที่วางตัวเองบนแนวทางเสรีนิยมใหม่อย่างอเมริกาเขาก็มีกลุ่มแยกย่อยออกเป็น Libertarian Conservatism หรือที่เน้นไปทางสีเขียวอย่าง Green Conservatsim ก็มี
แต่พอมีแกนนำหัวใสเอาคำว่าเสรีนิยม-อนุรักษ์นิยมมาผูกกับการเมืองแบ่งขั้วแบบไทยๆ ก็กลับเป็นว่าเสรีนิยมนั้นต้องแดง ต้องก้าวหน้าเป็นประชาธิปไตย ส่วนอนุรักษ์นิยมคือฝ่ายที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย เอากะมันสิ !
ลองย้อนไปฟังที่รัฐมนตรีอำมาตย์เต้นพูดในมติชนทีวีดูหรือไปย้อนฟังคลิปอภิปรายของปัญญาชนแดงอย่างคำ ผกาก็ได้ มีการจัดแบ่งเขาแบ่งเราไว้ชัดเจน
โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อการโมเมจัดแบ่งสังคมหยาบๆ เป็นฝ่ายไพร่-อำมาตย์ หรือเป็นฝ่ายเสรีนิยมกับอนุรักษ์นิยมที่ฝ่ายหนึ่งจะยกทหารมาปฏิวัติท่าเดียวแบบที่มีการยกขึ้นมาหลอกลวงชาวบ้าน สร้างกระแสหลอกพวกหนุ่มสาวเพิ่งจบจากรั้วมหาลัยให้หลงไปกับการต่อสู้เชิงอุดมการณ์ระหว่างเทพมารหรือจักรวรรดิชั่วร้ายเหมือนในหนังสตาร์วอร์ แน่นอนอยู่แล้วครับใครที่ไหนอยากจะอยู่ฝ่ายล้าหลังเขาย่อมเลือกจะอยู่ข้างที่มีคนกล่อมว่าข้างนี้ที่เป็นฝ่ายก้าวหน้าปัญญาชนดูดีกว่าอยู่แล้ว
มันก็เลยเกิดแฟชั่นแห่กันเรียกตัวเองเป็นฝ่ายเสรีนิยมกันยกใหญ่ มีการทึกทักกันเองว่าฝ่ายหนุนรัฐบาลคือพวกเสรีนิยมทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเสรีนิยมจำนวนไม่น้อยที่ไม่รับทักษิณ ไม่เอายิ่งลักษณ์ ไม่ชอบเสื้อแดง และพวกที่สวมเสื้อแดงที่เป็นอนุรักษ์นิยมจ๋านั้นน่ะก็มีมากมายไปเชื่อไปถามเจ้ามูลเมืองดูก็ได้
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีดีที่พูดเก่งขนาดกล่อมลิงหลับทำให้ผู้ฟังที่ไม่ฉุกคิดเกิดคล้อยตามได้ง่าย เขาเคยประกาศตัวเป็นไพร่แต่เวลาผ่านไปก็ชัดเจนว่าการทำมาหากินของเขานี่มันไม่ใช่ไพร่ไร้เส้นสายเดินดินกินข้าวแกงแต่อย่างใด มารอบนี้ก็เหมือนเดิมปลุกคำว่าเสรีนิยมขึ้นมาแบ่งขั้วการเมืองโดยที่ตนเองเข้าใจคำๆนี้หรือไม่ก็ไม่รู้
สังคมการเมืองไทยทุกวันนี้ไม่ใช่ยุคอเมริกาหรือฝรั่งเศสในปลายศตวรรษที่ 18 ที่พ่อค้าชนชั้นกลางในอาณานิคมลุกฮือขึ้นสู้กษัตริย์อังกฤษเพื่อปลดแอกสร้างดินแดนเสรีขึ้นมา เต้นพยายามสร้างขุดวาทกรรมเสรีนิยมแบบศตวรรษที่18 หลอกให้คนเชื่อทั้งที่ทุกวันนี้โลกไปถึงไหนแล้ว ... ไม่มีแล้วครับทหารลากรถถังมาปฏิวัติแบบปี 49 มันเป็นไปไม่ได้แล้ว พวกที่ฝันอยากเห็นทหารก็ฝันไปตามเรื่องตามราว มีแต่ประชาธิปไตยและเสรีนิยมจริงๆ กับประชาธิปไตยเสรีนิยมบังหน้า ที่หากคนจับได้ไล่ไม่ทันก็ถูกหลอกให้หลงเชื่อไป
อย่าอ้างคาถาเสรีนิยมเลย เพราะรัฐบาลเพื่อไทยภายใต้การนำของยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไม่ได้ใช้แนวทางแบบเสรีนิยมมาบริหารประเทศด้วยซ้ำ ที่สำคัญพฤติกรรมของขบวนการคนเสื้อแดงและนักการเมืองส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่
สำนึกพื้นฐานของเสรีนิยมคือเชื่อในความเป็นอิสระ เชิดชูความเป็นปัจเจก ไม่ยอมรับสิทธิพิเศษที่สืบทอดจากสายเลือดประมาณพ่อเป็นแล้วลูกหรือน้องสาวก็เป็นต่อ คนเป็นเสรีนิยมติดจะหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่กราบกรานเลียตีนใครเป็นนายใหญ่ และแน่นอนเสรีนิยมจริงต้องไม่ยอมรับว่าเป็นขี้ข้าของใครเพราะมนุษย์เกิดมามีเสรี
ดังนั้นพรรคการเมืองแบบเสรีนิยมจึงต้องให้สิทธิแก่สมาชิกผู้เข้าร่วมอย่างเท่าเทียม-แฟร์-ใช้เหตุผลและเสียงข้างมากดำเนินการไม่ใช่ว่าคนนั้นเด็กนายได้ตำแหน่งไป หากมีเก้าอี้ว่างพรรคการเมืองเสรีนิยมจริงเขาจะปรึกษาหารือกันไม่ใช่โอนอำนาจให้นายใหญ่ชี้นิ้วตัดสิน คนที่เป็นเสรีนิยมจะเกลียดการใช้เส้นสืบทอดล็อกสเป็กว่าต้องสายเลือดตระกูลนี้เท่านั้นจึงเป็นหัวหน้าหรือผู้ปกครองได้
รัฐบาลที่เป็นเสรีนิยม มีแนวโน้มออกนโยบายที่ให้กลไกตลาดหมุนไปเองจะไม่แทรกแซงเอกชน ถ้าเสรีนิยมจริงคงไม่บ้าจี้ออกนโยบายจำนำข้าวทำกลไกและโครงสร้างตลาดป่นปี้ เสรีนิยมเกลียดเส้นสายเพราะต้องการให้เกิดการแข่งขันจริงดังนั้นเขาจะไม่ล็อกสเป็คโครงการให้กับบริษัทพวกพ้องได้งานประชาสัมพันธ์เคลียร์มวลชนเพื่อฝังท่อก๊าซครั้งละหลายสิบล้าน ทำให้เกิดเศรษฐีใหม่รวยเอาๆ ในไม่กี่ปีเพราะได้งานมาจากเส้นสายทางการเมือง
ในสองสามปีหลังมานี้มีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าพวกก้าวหน้าปัญญาชนประกาศตัวเป็นเสรีนิยม แล้วก็เคลื่อนไหวสนับสนุนคนเสื้อแดงพรรคเพื่อไทยอย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งก็มาจากเซเล็ปแดงอย่างคำ ผกา ตลอดถึงพิธีกรรายการทีวีที่เป็นอาจารย์จุฬาบ้าง คอลัมนิสต์บ้าง ฯลฯ ช่วยกันกระพืออากัปกริยาลิเบอรัลออกมา เนียนบ้างกากบ้างตามเรื่องตามราวของแต่ละบุคคล
โดยส่วนตัวผมนั้นไม่มีปัญหาหรอกหากใครเป็นเสรีนิยมหรือเป็นอะไรจริง เพราะเป็นหรือไม่เป็นมันก็แค่ปรัชญาและแนวทางความชอบความเชื่ออย่างหนึ่ง กระจายอยู่ทุกขั้วทุกฝ่าย คนมากมายที่เขามีฐานปรัชญาและอุดมการณ์ชีวิตเป็นเสรีนิยมชัดเจนที่ไม่เอาทักษิณไม่ชอบเสื้อแดงก็เยอะแยะไป
แต่ที่ขัดหูขัดตาอยู่บ้างก็คงมีแต่พวกเสรีนิยมปลอม พวกแอ๊บลิเบอรัลโดยไม่รู้ว่ามันคืออะไรจริง เอาแค่แห่ตามแกนนำเขาว่าไงว่าว่าอย่างนั้น ตลกดีนะครับแกนนำแดงบางคนที่ประกาศเป็นเสรีนิยมจ๋า ไม่เอามาตรา112 เพราะเป็นกฎหมายปิดปากคนวันดีคืนดีก็ร่วมขบวนด่าผู้จัดละครเหนือเมฆ2 อ้างโน่นนี่ได้ข่าว(จากไหนไม่รู้)ว่าละครหมิ่นเหม่อาจขัดมาตรา 112 (ฮา)
มันเป็นเรื่องของการเสแสร้งสวมหัวโขนอุดมการณ์ทำเท่ ก็คล้ายๆ นายตู่ที่วันดีคืนดีหยิบเสื้อมหาตมะ คานธีมาสวมประกาศต่อสู้แนวทางอหิงสา ทำเป็นลืมไปว่าก่อนหน้าเคยยกตำรวจอส.ไปกระทืบชาวบ้านขบวนการที่ดินที่กระบี่สุราษฏร์ และเคยให้สัมภาษณ์ยุสมัคร สุนทรเวชยกตำรวจสลายม็อบพันธมิตรตั้งแต่เริ่มชุมนุมโดยยังไม่ทำอะไรผิดเลยเมื่อพฤษภาคม 2551นั่นแหละ ตอนที่แกนนำแดงสายพิราปเขาลงจากขบวนรถไม่ไปต่อแต่นายตู่ก็ยังสวมเสื้อคานธีนำขบวนไพร่เดินหน้าไปสู่กองเลือดกองเพลิงจำกันได้หรือเปล่า
ในสามสี่ห้าปีหลังคือช่วงที่การเมืองไม่ปกติมานี้สังเกตเห็นคณะที่ชอบประกาศตัวเป็นเสรีนิยมจัดสัมมนาที่โน่น อภิปรายที่นี่บ่อยๆ แล้วก็เอาคลิปมาขึ้นยูทูปเผยแพร่ต่อคนอื่นจำไม่ค่อยได้ ที่จำได้ก็คือแขก คำ ผกาเพราะรู้จักกันมาก่อน วงสัมมนาเผยแพร่แบบนี้เองที่ทำให้เกิดกระแสเห่อเสรีนิยมแพร่ขยายลามไปออกไปยังหนุ่มสาวผู้แสวงหา เลยมีกลุ่มนักเคลื่อนไหวในไซเบอร์ที่แอ๊บลิเบอรัลกันมากมาย
ตอนที่ฝ่ายตัวเองไม่ได้เป็นรัฐบาลเวลาหยิบจับประเด็นอะไรมาด่าว่าเหน็บแนมเขาก็สนุกปากดี สามารถอ้างเหตุผลร้อยแปดมาสนับสนุน เช่นตอนที่รัฐบาลประชาธิปัตย์แบนหนังเรื่อง Instinct of the backyard ก็อภิปรายซัดใส่ประชาธิปัตย์เสียเละเทะตามประสานักเสรีนิยมผู้ไม่ชอบให้อำนาจรัฐมาปิดปากการแสดงออกของศิลปิน แต่พอเกิดกรณีแบนหนัง เช็คสเปียร์ต้องตาย แล้วต่อมาก็กรณีช่องสามถอดละครเหนือเมฆ2 นักเสรีนิยมรวมไปถึง คำ ผกา ผู้ไม่ชอบให้อำนาจรัฐมาปิดปากกลับเงียบหายกันไปหมด ...ถ้าใครเคยเห็นหรือได้ยินช่วยบอกเอาบุญด้วยนะครับเพราะผมอาจจะตกหล่นไม่ได้ตามดูว้อยซ์ทีวี
น่าตลกนักรบไซเบอร์เสื้อแดงหลายคนที่ก่อนหน้านี้เอะอะก็เสรีชน ลิเบอรัลจ๋าแต่พอมางวดนี้แทนที่จะยืนอยู่บนจุดยืนเดิมคือไม่ชอบการปิดกั้นการแสดงออกกลับเลี่ยงไปอีกแนว หันมาเหน็บกัดผู้ที่โวยวายว่าทีเมื่อก่อนทำไมไม่ร้อง หันมาท้าให้เอาละครเรื่องอื่นมาแทนบ้าง ก็คือพูดเหน็บได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องเดียวละครถูกถอดมันผิดปกติยังไง ... สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักเสรีนิยมตัวยงอีกคนก็ออกมาแนวนี้ เปิดหน้ามายกแรกก็เอาเลยไม่ยอมตั้งคำถามว่ามีเหตุปกติที่ละครแนวเสียดสีการเมืองที่จู่ๆถูกสั่งให้จบแบบผิดสังเกตกลับไปถามหาหลักฐานว่ารัฐบาลเกี่ยวตรงไหน ?
คือถ้าสมศักดิ์ไม่ออกมาเลยก็คงไม่มีใครว่าอะไรมากหรอก แต่พอออกมาแนวถามหาหลักฐานเพื่อจับมือใครดมให้ได้นี้น่ะสิมันน่าหัวร่ออย่างยิ่ง สรุปก็คือสมศักดิ์ เจียมฯ ผู้ที่เชื่อในเสรีนิยมก็เลี่ยงที่จะวิจารณ์ให้เกิดการระคายต่อ “ผู้มีอำนาจ”ปัจจุบันหรือแม้กระทั่งกับช่อง 3 กลับไพล่ไปเหน็บสุริยะใสบ้างอะไรบ้าง – แทนที่จะมองว่ามันผิดปกติมั้ยที่ละครถูกถอดกลับเลี่ยงแก้เกี้ยววิจารณ์ว่าละครไม่มีห่าอะไรเลย.. ตลกจริงๆ ลิเบอรัล !
ปีนี้ทั้งปีเห็นทีต้องตามลาก “ลิเบอรัลเฉพาะประโยชน์ฉัน” และ “เสรีนิยมปลอม” มาส่องดูกันอีกหลายยก ก็พ่อเจ้าประคุณแกนนำ นปช.เขาประกาศเรื่อยเปื่อยไว้เองนี่ว่าปีนี้เป็นปีต่อสู้กันระหว่างเสรีนิยมกับอนุรักษ์นิยมไอ้สื่ออย่างกระพ้มเลยต้องมาทำการบ้านต่อบอกกล่าวกับประชาชนว่าแบบไหนคือเสรีนิยมแบบไหนคืออนุรักษ์นิยมที่เป็นจริง.
วิธีการจัดขั้วเสรีนิยม-อนุรักษ์นิยม ของเต้น ณัฐวุฒิไม่ได้ต่างจากการแบ่งขั้วเทพ-มารเมื่อหลังพฤษภาทมิฬ แบ่งอำมาตย์-ไพร่ระหว่างแดงเผากรุง เพียงแต่ยกระดับให้ดูหรูหราไพร่จะได้ฟังยากขึ้นอีกหน่อย
ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วปรัชญาหรือแนวคิดแบบเสรีนิยมมันก็เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจแบบหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรเสียหายที่ใครจะเรียกตนว่าเป็นนักเสรีนิยม ขณะที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ฝรั่งเรียกว่า Conservatism นั้นก็หาใช่ยักษ์มารหรือไดโนเสาร์คิดจะย้อนยุคไปสู่สังคมกรีกโรมันจับคนมาเป็นทาสต่อสู้กันแบบหนังแกลดิเอเตอร์หรือจะเอาประเทศไทยกลับไปสู่สังคมอยุธยามีกษัตริย์แล้วก็อำมาตย์จตุสดมภ์ปกครองกันเสียที่ไหน มีหลายรัฐบาลประชาธิปไตยในยุโรปที่เป็นขวา-กลาง คือออกแนวอนุรักษ์มากมายแม้กระทั่งประเทศที่วางตัวเองบนแนวทางเสรีนิยมใหม่อย่างอเมริกาเขาก็มีกลุ่มแยกย่อยออกเป็น Libertarian Conservatism หรือที่เน้นไปทางสีเขียวอย่าง Green Conservatsim ก็มี
แต่พอมีแกนนำหัวใสเอาคำว่าเสรีนิยม-อนุรักษ์นิยมมาผูกกับการเมืองแบ่งขั้วแบบไทยๆ ก็กลับเป็นว่าเสรีนิยมนั้นต้องแดง ต้องก้าวหน้าเป็นประชาธิปไตย ส่วนอนุรักษ์นิยมคือฝ่ายที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย เอากะมันสิ !
ลองย้อนไปฟังที่รัฐมนตรีอำมาตย์เต้นพูดในมติชนทีวีดูหรือไปย้อนฟังคลิปอภิปรายของปัญญาชนแดงอย่างคำ ผกาก็ได้ มีการจัดแบ่งเขาแบ่งเราไว้ชัดเจน
โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อการโมเมจัดแบ่งสังคมหยาบๆ เป็นฝ่ายไพร่-อำมาตย์ หรือเป็นฝ่ายเสรีนิยมกับอนุรักษ์นิยมที่ฝ่ายหนึ่งจะยกทหารมาปฏิวัติท่าเดียวแบบที่มีการยกขึ้นมาหลอกลวงชาวบ้าน สร้างกระแสหลอกพวกหนุ่มสาวเพิ่งจบจากรั้วมหาลัยให้หลงไปกับการต่อสู้เชิงอุดมการณ์ระหว่างเทพมารหรือจักรวรรดิชั่วร้ายเหมือนในหนังสตาร์วอร์ แน่นอนอยู่แล้วครับใครที่ไหนอยากจะอยู่ฝ่ายล้าหลังเขาย่อมเลือกจะอยู่ข้างที่มีคนกล่อมว่าข้างนี้ที่เป็นฝ่ายก้าวหน้าปัญญาชนดูดีกว่าอยู่แล้ว
มันก็เลยเกิดแฟชั่นแห่กันเรียกตัวเองเป็นฝ่ายเสรีนิยมกันยกใหญ่ มีการทึกทักกันเองว่าฝ่ายหนุนรัฐบาลคือพวกเสรีนิยมทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเสรีนิยมจำนวนไม่น้อยที่ไม่รับทักษิณ ไม่เอายิ่งลักษณ์ ไม่ชอบเสื้อแดง และพวกที่สวมเสื้อแดงที่เป็นอนุรักษ์นิยมจ๋านั้นน่ะก็มีมากมายไปเชื่อไปถามเจ้ามูลเมืองดูก็ได้
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีดีที่พูดเก่งขนาดกล่อมลิงหลับทำให้ผู้ฟังที่ไม่ฉุกคิดเกิดคล้อยตามได้ง่าย เขาเคยประกาศตัวเป็นไพร่แต่เวลาผ่านไปก็ชัดเจนว่าการทำมาหากินของเขานี่มันไม่ใช่ไพร่ไร้เส้นสายเดินดินกินข้าวแกงแต่อย่างใด มารอบนี้ก็เหมือนเดิมปลุกคำว่าเสรีนิยมขึ้นมาแบ่งขั้วการเมืองโดยที่ตนเองเข้าใจคำๆนี้หรือไม่ก็ไม่รู้
สังคมการเมืองไทยทุกวันนี้ไม่ใช่ยุคอเมริกาหรือฝรั่งเศสในปลายศตวรรษที่ 18 ที่พ่อค้าชนชั้นกลางในอาณานิคมลุกฮือขึ้นสู้กษัตริย์อังกฤษเพื่อปลดแอกสร้างดินแดนเสรีขึ้นมา เต้นพยายามสร้างขุดวาทกรรมเสรีนิยมแบบศตวรรษที่18 หลอกให้คนเชื่อทั้งที่ทุกวันนี้โลกไปถึงไหนแล้ว ... ไม่มีแล้วครับทหารลากรถถังมาปฏิวัติแบบปี 49 มันเป็นไปไม่ได้แล้ว พวกที่ฝันอยากเห็นทหารก็ฝันไปตามเรื่องตามราว มีแต่ประชาธิปไตยและเสรีนิยมจริงๆ กับประชาธิปไตยเสรีนิยมบังหน้า ที่หากคนจับได้ไล่ไม่ทันก็ถูกหลอกให้หลงเชื่อไป
อย่าอ้างคาถาเสรีนิยมเลย เพราะรัฐบาลเพื่อไทยภายใต้การนำของยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไม่ได้ใช้แนวทางแบบเสรีนิยมมาบริหารประเทศด้วยซ้ำ ที่สำคัญพฤติกรรมของขบวนการคนเสื้อแดงและนักการเมืองส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่
สำนึกพื้นฐานของเสรีนิยมคือเชื่อในความเป็นอิสระ เชิดชูความเป็นปัจเจก ไม่ยอมรับสิทธิพิเศษที่สืบทอดจากสายเลือดประมาณพ่อเป็นแล้วลูกหรือน้องสาวก็เป็นต่อ คนเป็นเสรีนิยมติดจะหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่กราบกรานเลียตีนใครเป็นนายใหญ่ และแน่นอนเสรีนิยมจริงต้องไม่ยอมรับว่าเป็นขี้ข้าของใครเพราะมนุษย์เกิดมามีเสรี
ดังนั้นพรรคการเมืองแบบเสรีนิยมจึงต้องให้สิทธิแก่สมาชิกผู้เข้าร่วมอย่างเท่าเทียม-แฟร์-ใช้เหตุผลและเสียงข้างมากดำเนินการไม่ใช่ว่าคนนั้นเด็กนายได้ตำแหน่งไป หากมีเก้าอี้ว่างพรรคการเมืองเสรีนิยมจริงเขาจะปรึกษาหารือกันไม่ใช่โอนอำนาจให้นายใหญ่ชี้นิ้วตัดสิน คนที่เป็นเสรีนิยมจะเกลียดการใช้เส้นสืบทอดล็อกสเป็กว่าต้องสายเลือดตระกูลนี้เท่านั้นจึงเป็นหัวหน้าหรือผู้ปกครองได้
รัฐบาลที่เป็นเสรีนิยม มีแนวโน้มออกนโยบายที่ให้กลไกตลาดหมุนไปเองจะไม่แทรกแซงเอกชน ถ้าเสรีนิยมจริงคงไม่บ้าจี้ออกนโยบายจำนำข้าวทำกลไกและโครงสร้างตลาดป่นปี้ เสรีนิยมเกลียดเส้นสายเพราะต้องการให้เกิดการแข่งขันจริงดังนั้นเขาจะไม่ล็อกสเป็คโครงการให้กับบริษัทพวกพ้องได้งานประชาสัมพันธ์เคลียร์มวลชนเพื่อฝังท่อก๊าซครั้งละหลายสิบล้าน ทำให้เกิดเศรษฐีใหม่รวยเอาๆ ในไม่กี่ปีเพราะได้งานมาจากเส้นสายทางการเมือง
ในสองสามปีหลังมานี้มีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าพวกก้าวหน้าปัญญาชนประกาศตัวเป็นเสรีนิยม แล้วก็เคลื่อนไหวสนับสนุนคนเสื้อแดงพรรคเพื่อไทยอย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งก็มาจากเซเล็ปแดงอย่างคำ ผกา ตลอดถึงพิธีกรรายการทีวีที่เป็นอาจารย์จุฬาบ้าง คอลัมนิสต์บ้าง ฯลฯ ช่วยกันกระพืออากัปกริยาลิเบอรัลออกมา เนียนบ้างกากบ้างตามเรื่องตามราวของแต่ละบุคคล
โดยส่วนตัวผมนั้นไม่มีปัญหาหรอกหากใครเป็นเสรีนิยมหรือเป็นอะไรจริง เพราะเป็นหรือไม่เป็นมันก็แค่ปรัชญาและแนวทางความชอบความเชื่ออย่างหนึ่ง กระจายอยู่ทุกขั้วทุกฝ่าย คนมากมายที่เขามีฐานปรัชญาและอุดมการณ์ชีวิตเป็นเสรีนิยมชัดเจนที่ไม่เอาทักษิณไม่ชอบเสื้อแดงก็เยอะแยะไป
แต่ที่ขัดหูขัดตาอยู่บ้างก็คงมีแต่พวกเสรีนิยมปลอม พวกแอ๊บลิเบอรัลโดยไม่รู้ว่ามันคืออะไรจริง เอาแค่แห่ตามแกนนำเขาว่าไงว่าว่าอย่างนั้น ตลกดีนะครับแกนนำแดงบางคนที่ประกาศเป็นเสรีนิยมจ๋า ไม่เอามาตรา112 เพราะเป็นกฎหมายปิดปากคนวันดีคืนดีก็ร่วมขบวนด่าผู้จัดละครเหนือเมฆ2 อ้างโน่นนี่ได้ข่าว(จากไหนไม่รู้)ว่าละครหมิ่นเหม่อาจขัดมาตรา 112 (ฮา)
มันเป็นเรื่องของการเสแสร้งสวมหัวโขนอุดมการณ์ทำเท่ ก็คล้ายๆ นายตู่ที่วันดีคืนดีหยิบเสื้อมหาตมะ คานธีมาสวมประกาศต่อสู้แนวทางอหิงสา ทำเป็นลืมไปว่าก่อนหน้าเคยยกตำรวจอส.ไปกระทืบชาวบ้านขบวนการที่ดินที่กระบี่สุราษฏร์ และเคยให้สัมภาษณ์ยุสมัคร สุนทรเวชยกตำรวจสลายม็อบพันธมิตรตั้งแต่เริ่มชุมนุมโดยยังไม่ทำอะไรผิดเลยเมื่อพฤษภาคม 2551นั่นแหละ ตอนที่แกนนำแดงสายพิราปเขาลงจากขบวนรถไม่ไปต่อแต่นายตู่ก็ยังสวมเสื้อคานธีนำขบวนไพร่เดินหน้าไปสู่กองเลือดกองเพลิงจำกันได้หรือเปล่า
ในสามสี่ห้าปีหลังคือช่วงที่การเมืองไม่ปกติมานี้สังเกตเห็นคณะที่ชอบประกาศตัวเป็นเสรีนิยมจัดสัมมนาที่โน่น อภิปรายที่นี่บ่อยๆ แล้วก็เอาคลิปมาขึ้นยูทูปเผยแพร่ต่อคนอื่นจำไม่ค่อยได้ ที่จำได้ก็คือแขก คำ ผกาเพราะรู้จักกันมาก่อน วงสัมมนาเผยแพร่แบบนี้เองที่ทำให้เกิดกระแสเห่อเสรีนิยมแพร่ขยายลามไปออกไปยังหนุ่มสาวผู้แสวงหา เลยมีกลุ่มนักเคลื่อนไหวในไซเบอร์ที่แอ๊บลิเบอรัลกันมากมาย
ตอนที่ฝ่ายตัวเองไม่ได้เป็นรัฐบาลเวลาหยิบจับประเด็นอะไรมาด่าว่าเหน็บแนมเขาก็สนุกปากดี สามารถอ้างเหตุผลร้อยแปดมาสนับสนุน เช่นตอนที่รัฐบาลประชาธิปัตย์แบนหนังเรื่อง Instinct of the backyard ก็อภิปรายซัดใส่ประชาธิปัตย์เสียเละเทะตามประสานักเสรีนิยมผู้ไม่ชอบให้อำนาจรัฐมาปิดปากการแสดงออกของศิลปิน แต่พอเกิดกรณีแบนหนัง เช็คสเปียร์ต้องตาย แล้วต่อมาก็กรณีช่องสามถอดละครเหนือเมฆ2 นักเสรีนิยมรวมไปถึง คำ ผกา ผู้ไม่ชอบให้อำนาจรัฐมาปิดปากกลับเงียบหายกันไปหมด ...ถ้าใครเคยเห็นหรือได้ยินช่วยบอกเอาบุญด้วยนะครับเพราะผมอาจจะตกหล่นไม่ได้ตามดูว้อยซ์ทีวี
น่าตลกนักรบไซเบอร์เสื้อแดงหลายคนที่ก่อนหน้านี้เอะอะก็เสรีชน ลิเบอรัลจ๋าแต่พอมางวดนี้แทนที่จะยืนอยู่บนจุดยืนเดิมคือไม่ชอบการปิดกั้นการแสดงออกกลับเลี่ยงไปอีกแนว หันมาเหน็บกัดผู้ที่โวยวายว่าทีเมื่อก่อนทำไมไม่ร้อง หันมาท้าให้เอาละครเรื่องอื่นมาแทนบ้าง ก็คือพูดเหน็บได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องเดียวละครถูกถอดมันผิดปกติยังไง ... สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักเสรีนิยมตัวยงอีกคนก็ออกมาแนวนี้ เปิดหน้ามายกแรกก็เอาเลยไม่ยอมตั้งคำถามว่ามีเหตุปกติที่ละครแนวเสียดสีการเมืองที่จู่ๆถูกสั่งให้จบแบบผิดสังเกตกลับไปถามหาหลักฐานว่ารัฐบาลเกี่ยวตรงไหน ?
คือถ้าสมศักดิ์ไม่ออกมาเลยก็คงไม่มีใครว่าอะไรมากหรอก แต่พอออกมาแนวถามหาหลักฐานเพื่อจับมือใครดมให้ได้นี้น่ะสิมันน่าหัวร่ออย่างยิ่ง สรุปก็คือสมศักดิ์ เจียมฯ ผู้ที่เชื่อในเสรีนิยมก็เลี่ยงที่จะวิจารณ์ให้เกิดการระคายต่อ “ผู้มีอำนาจ”ปัจจุบันหรือแม้กระทั่งกับช่อง 3 กลับไพล่ไปเหน็บสุริยะใสบ้างอะไรบ้าง – แทนที่จะมองว่ามันผิดปกติมั้ยที่ละครถูกถอดกลับเลี่ยงแก้เกี้ยววิจารณ์ว่าละครไม่มีห่าอะไรเลย.. ตลกจริงๆ ลิเบอรัล !
ปีนี้ทั้งปีเห็นทีต้องตามลาก “ลิเบอรัลเฉพาะประโยชน์ฉัน” และ “เสรีนิยมปลอม” มาส่องดูกันอีกหลายยก ก็พ่อเจ้าประคุณแกนนำ นปช.เขาประกาศเรื่อยเปื่อยไว้เองนี่ว่าปีนี้เป็นปีต่อสู้กันระหว่างเสรีนิยมกับอนุรักษ์นิยมไอ้สื่ออย่างกระพ้มเลยต้องมาทำการบ้านต่อบอกกล่าวกับประชาชนว่าแบบไหนคือเสรีนิยมแบบไหนคืออนุรักษ์นิยมที่เป็นจริง.