“ภุชงค์” รับ กกต.ไม่ห้ามหาเสียงผ่านไปรษณีย์ แต่ไม่ควรแนบรวมเอกสารแจ้งสิทธิเลือกตั้ง พร้อมสอบใบปลิวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พท.กรณีที่เกิดขึ้น ยกมติ กกต.ไม่ยื่นฎีกา “บุญจง” หลังศาลอุทธรณ์พิพากษา ชดใช้ค่าเลือกตั้งซ่อม กว่า 11 ล. ผอ.ศูนย์เฝ้าติดตามเลือกตั้งสื่อไซเบอร์ รับหาเสียงมีฮาร์ดคอร์บ้าง แต่ไม่ผิด กม.คาดมีเข้าข่าย 2 ราย แต่เก็บเงียบ เบอร์ 14 ขอบคุณคืนสิทธิ์ให้
วันนี้ (13ก.พ.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงกรณีผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้รับใบปลิวแนะนำตัวของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 9 พรรคเพื่อไทย แนบมาพร้อมกับหนังสือแจ้งเจ้าบ้านจากสำนักงานเขต เพื่อให้ทราบว่าบุคคลในบ้านมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกี่ราย ว่า ถ้าเป็นการแนบไปพร้อมกันนั้นถือว่ามีความผิด แต่ไม่รู้ว่ามีการทำจริงหรือไม่ เพราะตามกฎหมายแล้วไม่ได้ห้ามผู้สมัครหาเสียงทางไปรษณีย์ เพียงแต่ต้องคิดรวมในการใช้จ่าย ซึ่งที่ผ่านมาได้เคยมีการกำชับกับทางบริษัท ไปรษณีย์ไทย แล้วในเรื่องของการจัดส่งว่า ไม่ควรนำใบแนะนำตัวของผู้สมัคร ส่งไปยังผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พร้อมกับเอกสารแจ้งเจ้าบ้าน แต่ในครั้งนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นการตกหล่นหรือไม่ ซึ่งต้องดูว่าเกิดจากความผิดพลาดหรือจงใจหรือไม่ ดังนั้นจึงมอบหมายให้ กกต.กทม.รับเรื่องไปตรวจสอบอีกครั้ง
นายวีระศาสตร์ นริศ บุญสนอง ผู้เชี่ยวชาญ สำนักงาน กกต.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าติดตามการเลือกตั้งทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (นักรบไซเบอร์) กล่าวว่า ขณะนี้ศูนย์นักรบไซเบอร์ได้มีการติดตามความเคลื่อนไหวการหาเสียงของผู้สมัครและกลุ่มผู้สนับสนุนผ่านทางโซเชียลมีเดียอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากการติดตามเฟซบุ๊คของผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ที่เป็นตัวเต็ง มีเพียงการนำเสนอนโยบายและแสดงความคิดเห็นที่โต้ตอบกันไปมา แต่ไม่มีการใส่ร้ายหรือพาดพิงผู้สมัครรายใดเป็นพิเศษ อาจจะมีการแสดงความคิดเห็นในลักษณะฮาร์ดคอร์บ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่ส่วนของผู้สนับสนุนทั้งที่เป็นเว็บไซต์เลือกข้างชัดเจน และไม่เปิดตัวเลือกข้างอย่างชัดเจน เช่น ห้องราชดำเนิน ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีการแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือด ฮาร์ดคอร์ ซึ่งทางทีมงานก็ได้ติดตามดูอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามขณะนี้พบกรณีที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งอยู่ 2 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริง ก่อนที่จะเสนอให้ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยดำเนินการตรวจสอบต่อไป
ด้านนายประทีป วัชรโชคเกษม ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 14 กล่าวขอบคุณ กกต.กลางและ กกต.กทม.ที่ให้ความยุติธรรมในการคืนสิทธิ์การเป็นผู้สมัครให้กับตน ซึ่งเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้น อาจเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ ตนไม่ได้ถือโทษโกรธ แต่ก็อยากให้เจ้าหน้าที่เรียกไปสอบถามก่อน ตั้งแต่วันเปิดรับสมัคร แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่มีการสอบถามรายละเอียดข้อเท็จจริงแต่อย่างใด กลับประกาศตัดสิทธิ์ตนทันที ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเช่นนี้อีก
เลขาธิการ กกต.ยังเผยว่าที่ประชุม กกต.มีมติไม่ยื่นฎีกา กรณีที่ กกต.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ จากนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชศรีมา พรรคภูมิใจไทย เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เมื่อปี 2553 ให้สมาชิกภาพการเป็น ส.ส.สิ้นสุดลง เพราะเหตุภรรยาถือครองหุ้นที่เป็นสัมปทานของรัฐ ขัดต่อกฎหมายโดยเห็นว่าการที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาสั่งให้นายบุญจง ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 11,385,447 บาทนั้นเพียงพอแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ทางสำนักงาน กกต.ก็จะเรียกค่าชดใช้ดังกล่าวจากนายบุญจง ต่อไป