xs
xsm
sm
md
lg

ธีรยุทธแฟคเตอร์

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธีรยุทธ บุญมี ได้ออกมาวิพากษ์การเมืองไทย โดยกล่าวถึงโอกาสที่จะมีการปฏิวัติ แต่ส่วนใหญ่กล่าวถึงยุคทักษิณกับการเมืองรากหญ้าและประชานิยม รากหญ้าของวิกฤติ มุมมองยุคใหม่ของการเมืองรากหญ้า และบทสรุปไม่มีทางออกในระยะใกล้ มีแต่สิ่งที่ต้องทำเพื่อทางออกระยะยาว

สิ่งที่ธีรยุทธวิเคราะห์ระบอบทักษิณถือว่าตรงไปตรงมา และเป็นการวิเคราะห์ที่เป็นรูปธรรมที่เห็นชัดเจนที่สุด

ธีรยุทธกล่าวว่า แม้ทักษิณจะอยู่นอกประเทศ แต่ชนะการเลือกตั้งมาเกือบ ๑๕ ปีมาโดยตลอด สามารถขยายฐานรากหญ้าเสื้อแดงระดมพลไปเลือกตั้ง และชุมนุมประท้วงได้อย่างกว้างขวาง ทักษิณกลายเป็น ๑ ใน ๓ ของผู้มีบารมีการเมือง ๒ คน เป็นทหาร และอีก ๑ คน เป็นพลเรือน ในช่วงการเมืองหลังพ.ศ. ๒๕๐๐ ที่มีบทบาทเปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองไทย ซึ่งประกอบด้วย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่จะช่วยให้การเมืองดีขึ้นหรือถึงขั้นเสียหาย ประเทศล่มจมยังเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์อีกนาน

ธีรยุทธกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณควรกลับมารับโทษ หาทางสู้คดีใหม่ เพราะเท่าที่ฟังการตัดสินของศาลเห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณผิดทั้งในเรื่องซุกหุ้น เลี่ยงภาษี ๗.๖ หมื่นล้านบาท อาจจะขอคืนส่วนหนึ่ง คนส่วนใหญ่ก็เห็นใจอยากให้มีนิรโทษกรรม และตนจะช่วยหากพ.ต.ท.ทักษิณกลับมารับโทษก่อน เพื่อรักษาระบบยุติธรรมที่อยู่มากว่า ๑๐๐ ปี

ธีรยุทธกล่าวว่าเมืองไทยกำลังก่อรูปเป็น ๒ ขั้วอำนาจ การเมืองคือยุค ๒ ก๊ก คนเลวโจโฉกับก๊กคนดีเล่าปี่-ขงเบ้ง การแบ่งออกเป็น ๒ ศูนย์อำนาจ คือฝ่ายอนุรักษ์นิยมกับศูนย์อำนาจรากหญ้า ๒ ศูนย์อำนาจแบ่งประเทศเป็น ๒ ส่วน อนุรักษ์นิยมจะควบคุมสังคมในด้านความชอบธรรมจากจารีตประเพณี คุมชนชั้นกลาง ตุลาการ จิตวิญญาณ ชนชั้นสูง ส่วนกลุ่มรากหญ้า ควบคุมได้ในเชิงการบริหาร งบประมาณ การออกกฎหมาย การเลือกตั้ง ได้รับความนิยมจากชาวบ้าน รากหญ้าชนบท นักธุรกิจผู้ประกอบการรายย่อย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มองว่ากลุ่มรากหญ้าจะได้เปรียบ นับวันยิ่งขยายตัวเร็วขึ้น ขณะที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมอยู่กับที่และยิ่งเสื่อมถอยลง เนื่องจากเห็นว่าเสื้อแดงมีความชอบธรรมเรื่องประชาธิปไตยซึ่งเป็นความชอบธรรมสากลของโลกปัจจุบัน

ในแง่ทางออกของสังคมไทยนั้น นายธีรยุทธกล่าวว่า คงไม่มีทางออกระยะใกล้ แต่ต้องมีทางออกระยะยาว เพราะความขัดแย้งลงลึกมานานกลายเป็นปัญหาโครงสร้างทางวัฒนธรรม ประเพณี เป็นอุดมการณ์พื้นฐานของแต่ละฝ่าย

ประการที่สอง การขยายตัวของขั้วทักษิณ-รากหญ้า มีโอกาสทำให้เกิดการแตกร้าวในระดับโครงสร้างและสถาบันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม บ้านเมืองจะผ่านความรุนแรงไปได้อย่างน้อยช่วงหนึ่งถ้าพ.ต.ท.ทักษิณและพรรคการเมืองเพื่อไทยมองเห็นว่าเวลาอยู่กับฝ่ายตน ไม่จำเป็นต้องกดดันให้มีการเผชิญหน้าของมวลชนและใช้เวลาดังกล่าวแก้ไขความไม่ถูกต้องให้ดีขึ้น

ประการที่สาม ต้องมีการปรับกระบวนทัศน์ ว่าประเทศไทยควรเป็นอย่างไร ทั้งในด้านการเมืองการปกครอง การปฏิรูปสถาบัน องค์กรสำคัญๆ ทั้งหมด อาทิ รูปแบบการปกครองควรเป็นอย่างไร ควรกระจายอำนาจ การตัดสินใจทางเศรษฐกิจ การศึกษาในระดับภูมิภาค การพัฒนาท้องถิ่นเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไร

นายธีรยุทธกล่าวว่าความขัดแย้งในปัจจุบันได้ลุกลามไปถึงการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ นักวิชาการ รวมทั้งนักคิดที่ใกล้ชิดราชสำนัก เช่น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล นพ.ประเวส วสี นายอานันท์ ปันยารชุน ควรสร้างการศึกษา สร้างความรู้ที่ถูกต้องว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ควรจะดำรงอยู่ในระบอบเสรีประชาธิปไตยและโลกาภิวัฒน์อย่างไร โดยตนไม่เห็นด้วยกับนักวิชาการอนุรักษ์นิยมบางส่วนที่พยายามจะหวนกลับมายกย่องให้พระมหากษัตริย์เป็นสมมติเทพ มีพระราชอำนาจทางการเมืองมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการย้อนยุค สถาบันพระมหากษัตริย์จะอยู่ในสังคมเสรีประชาธิปไตยและโลกยุคข่าวสารได้ยั่งยืนต้องเป็นสถาบันมีสถานะเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งนอกจากจะมีหน้าที่ภารกิจตามรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยแล้วยังมีภารกิจขนบประเพณีทางศาสนา วัฒนธรรม และที่สังคมคาดหวังเช่นเป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นแหล่งที่มีของเกียรติยศ จริยธรรม คุณธรรม พิธีการต่างๆเป็นต้น

นายธีรยุทธกล่าวว่า นักเศรษฐศาสตร์สำคัญทั่วโลกสรุปว่า นโยบายประชานิยมแม้มีส่วนดีในหลายด้าน แต่ก็ล้มเหลวในที่สุดในทุกประเทศที่เคยใช้มา เพราะเกิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินเฟ้อที่รุนแรง สังคมต้องช่วยกันกดดันวิพากษ์วิจารณ์พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยที่จะพัฒนาเปลี่ยนรูปแบบนโยบายนี้ให้ไปใช้ในทิศทางที่ถูกต้อง พ.ต.ท.ทักษิณมีลักษณะเป็นผู้นำการตลาดมากกว่าประชาธิปไตย ที่มุ่งหวังรากหญ้าให้ซื้อสินค้าของตนเองเป็นประจำมากกว่าสร้างรากหญ้าเป็นฐานมั่นคงของระบบเศรษฐกิจไทย

ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณนั้นตอบโต้นายธีรยุทธว่ามีอคติต่อตนในการวิจารณ์ ตนไม่เห็นด้วยที่ว่าการขยายตัวของขั้วทักษิณ-รากหญ้ามีโอกาสทำให้เกิดการแตกร้าวระดับโครงสร้างและสถาบันมากขึ้นและไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปที่ว่านโยบายประชานิยมของพรรคเพื่อไทยจะล้มเหลวในที่สุด คำว่าประชานิยมมิได้เป็นสิ่งเลวและมิได้หมายความว่านโยบายทุกนโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นประชานิยม นโยบาย ๓๐ บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน เอสเอ็มแอล การให้ทุนนักเรียนไปเรียนต่อต่างประเทศ โครงการโอทอป เป็นนโยบายยั่งยืนที่จะลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน แม้กระทั่งองค์การอนามัยโลกยังยกย่องโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค ที่จะเป็นโมเดลที่ใช้ไปทั่วโลก การพูดเหมารวมว่าเป็นนโยบายประชานิยมเป็นสิ่งเลวร้ายไปทั้งหมดเป็นการสรุปไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
กำลังโหลดความคิดเห็น