ผอ.สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย เล่าการเมืองไทย ชู “ป๋าเปรม” ไม่รับเก้าอี้นายกฯ ปี 31 จุดเริ่มประชาธิปไตย สับประชาสังคมไม่คืบเหตุชนชั้นนำ ไม่ร่วมพัฒนาชาติ มองแค่ประโยชน์จากรัฐ ชี้ มีแค่บางกลุ่มที่รับผิดชอบ หนุนสร้างสังคม, ชุมชน, พลเมืองเข้มแข็งทางออกการเมือง
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มีการประชุมวิชาการประจำปีครั้งที่ 13 ประจำปี 2554 ซึ่งจัดโดยสถาบันพระปกเกล้า และได้เชิญ นายธีรยุทธ บุญมี ผู้อำนวยการสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมแสดงปาฐกถาในหัวข้อ “ความเป็นพลเมืองกับอนาคตประชาธิปไตยไทย” โดยกล่าวช่วงหนึ่งว่า จุดเริ่มต้นที่การเมืองไทยมีการคลี่คลายไปในทิศทางที่น่าสนใจเริ่มขึ้นเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว หรือราวปี 2531 ที่อำนาจศูนย์กลางของกองทัพเริ่มคลองแคลง ประชาธิปไตยครึ่งใบเริ่มไปไม่รอด เมื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น บอกว่า พอแล้ว ไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก ทำให้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2531 เสนอแนวคิดประชาสังคม ในการสร้างสังคมเข้มแข็ง ชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งมีการพูดถึงกันมาก แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนเกิดรัฐประหารเมื่อปี 2534 ก่อนเกิดเหตุการณ์พฤษภา 2535 และเป็นที่มาของการปฏิรูปการเมืองรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540
นายธีรยุทธ กล่าวต่อว่า ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ถือเป็นความคิดต่างของนักวิชาการนักคิดที่เข้าไปมีส่วนร่วม โดยส่วนหนึ่งต้องการให้ฝ่ายบริหารเข้มแข็ง ขณะที่อีกฝ่ายต้องการให้มีฝ่ายตรวจสอบ ก่อให้เกิดองค์กรอิสระหลายองค์กร เพิ่มบทบาทของศาล ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครอง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ฝ่ายตรวจสอบเข้มแข็งขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อการเมืองดำเนินเรื่อยๆ มา ได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากขึ้น เกิดรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนโยบายประชานิยม เกิดวิกฤตเหลือง-แดง เกิดความขัดแย้งทางแนวคิดระหว่างประชานิยมและอนุรักษ์นิยม ซึ่งถือเป็นความขัดแย้งหลักในสังคมการเมืองของบ้านเรา ทั้งนี้ ความคิดหลักทั้ง 2 กลุ่มนี้ ก็ล้วนมีมูลค่าของตัวเอง กล่าวคือ ประชานิยมได้สร้างประโยชน์อย่างหนึ่ง ขณะที่อนุรักษ์นิยมเองก็สร้างประโยชน์ในแง่มุมหนึ่งที่ไม่ให้หลงลืมสิ่งที่ดีในอดีต และช่วยเหนี่ยวรั้งไม่ให้ฝ่ายประชานิยมไม่ให้มากเกินไป
“ในขณะที่สังคมดำเนินไปอยู่นี้ ความเป็นประชาสังคมกลับไม่คืบหน้าตาม ส่วนหนึ่งเพราะคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะชนชั้นนำไม่ได้ร่วมพัฒนาประเทศไปด้วย แต่มักจะมองว่าตนจะได้อะไรจากรัฐบ้าง คิดแต่จะอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์อย่างไร จนทำให้อาจมีเพียงแค่คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่ทำหน้าที่พลเมืองทำให้สิทธิเสรีภาพ แสดงความรับผิดชอบกับรัฐธรรมนูญเท่านั้น” นายธีรยุทธ กล่าว
นายธีรยุทธ ยังกล่าวอีกว่า จากการศึกษา พบว่า โครงสร้างการเมืองของทุกประเทศเป็นผลผลิตท้องถิ่น ที่หากเป็นเมล็ดพันธุ์แปลกปลอมจากประเทศอื่น จะใช้ไม่ได้ผล เช่นเดียวกับประเทศไทยที่นำเรื่องสิทธิเสรีภาพ ความรับผิดชอบรัฐธรรมนูญมาจากประเทศอื่น ที่เป็นเหมือนสิ่งแปลกปลอมที่นำมาจากต่างประเทศ ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ เพราะขาดการเสริมองค์ความรู้ให้แก่พลเมือง ดังนั้นทางออกที่ดีของการเมืองไทยในระยะยาว ควรจะเป็นการสนับสนุนให้เกิดสังคมเข้มแข็ง ชุมชนเข้มแข็ง และพลเมืองเข้มแข็ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยขาดมาตลอด 100 กว่าปีที่ผ่านมา เป็นเหตุให้การพัฒนาการเมืองของประเทศไม่ไปไหน