เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์/รอยเตอร์ส--ผู้นำฮ่องกง แคร์รี่ แลมแถลงในเช้าวันนี้(3 ธ.ค.) จะดำเนินมาตรการฟื้นเศรษฐกิจดินแดนชุดที่สี่ พร้อมชี้ “กฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยฮ่องกง” ที่ผู้นำสหรัฐฯผ่านในสัปดาห์ที่แล้ว จะทำลายความเชื่อมั่นธุรกิจศูนย์กลางการเงินโลก
ข้อมูลสถิติล่าสุดระบุภาคค้าปลีกฮ่องกงซบเซาอย่างเป็นประวัติการณ์สืบเนื่องจากความวุ่นวายในดินแดนที่ไม่จบไม่สิ้น ขณะนี้รัฐบาลยังพร้อมรับยอดขาดดุลงบประมาณครั้งแรกในรอบ 15 ปี
“เป้าหมายของมาตรการที่กำลังออกมานี้ มุ่งช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจและภาคต่างๆที่กำลังย่ำแย่ รัฐบาลฮ่องกงได้ออกมาตรการช่วยฟื้นเศรษฐกิจมาแล้วสามครั้งจากเดือนส.ค.ถึงเดือยต.ค. ขณะนี้รัฐมนตรีว่าการคลังกำลังออกมาตรการชุดที่สี่ในเร็วๆนี้” แคร์รี่ แลม หัวหน้าคณะผู้บริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกงกล่าวก่อนเข้าประชุมประจำสัปดาห์ของคณะรัฐบาล
ฮ่องกงทุ่มงบฯสำหรับดำเนินมาตรการช่วยพยุงเศรษฐกิจดินแดนในระหว่างสี่เดือนมานี้ กว่า 21,000 ล้านเหรียญฮ่องกง
รัฐมนตรีว่าการคลังแห่งฮ่องกง นาย พอล ชาน โพ-โม (Paul Chan Mo-po) กล่าวเมื่อวันก่อนว่า ความวุ่นวายทางสังคมได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยหั่นยอดจีดีพีไปถึง 2 เปอร์เซ็นต์
ความวุ่นวายจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในดินแดนกว่า 6 เดือนที่ผ่านมา ทั้งการยึด-ปิดถนน การทำลายทรัพย์สินสาธารณะเช่นเครือข่ายคมนาคม และการโจมตีกลุ่มธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์กับจีนจนเกิดเป็นการปะทะรุนแรงระหว่างชาวฮ่องกงกับตำรวจ ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงเปิดศึกปาก้อนอิฐและระเบิดเพลิงสู้กับตำรวจจลาจลที่ระดมยิงแก็สน้ำตา ยิงปืนฉีดน้ำแรงดันสูง และกระสุนยาง
นอกจากนี้สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯยังมาซ้ำเติมผลักฮ่องกงสู่ภาวะถดถอย การขยายตัวเศรษฐกิจฮ่องกงไตรมาสสามหด 3.2 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่จีดีพีไตรมาสสามทรุดลงมาที่ 2.9 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นการหดตัวมากสุดในรอบสิบปี รัฐบาลยังคาดการณ์ว่าจีดีพีจะเหลือ 1.3 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่แล้ว เทียบกับปี 2018 จีดีพีฮ่องกงขยาย 3 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2017
ข่อมูลจากหน่วยรวบรวมสถิติฮ่องกง Census and Statistics Department เผยเมื่อวันจันทร์(2 ธ.ค.) ยอดค้าปลีกดิ่งเหว 24.3 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่าเท่ากับ 30,100 ล้านเหรียญฮ่องกงในเดือนต.ค. /ปีต่อปี
วันเดียวกัน แลมกล่าวต่อต้านกฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยฮ่องกงที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นใบเบิกทางไปสู่การคว่ำบาตรเศรษฐกินและมาตรการโต้ตอบทางการทูต
ผู้นำหญิงแห่งฮ่องกงชี้ว่ามัน “ไม่มีความจำเป็นใดเลย” รังแต่จะทำลายธุรกิจในดินแดนซึ่งรวมทั้งกลุ่มบริษัทกิจการอเมริกันเกือบ 1,300 ราย และขณะนี้ฮ่องกงได้ตกอยู่ในภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งแรกในรอบทศวรรษแล้ว
ด้านสถานการณ์ประท้วง ผู้ประท้วงประกาศว่าจะจัดการชุมนุมในช่วงมื้อเที่ยงในสัปดาห์นี้ต่อเนื่องจากการเดินขบวนใหญ่ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเกิดการปะทะในแบบเดิมคือตำรวจยิงแก็สน้ำตาสลายการประท้วง
ในวานนี้(2 ธ.ค.) กลุ่มคนทำงานหลายร้อยคนได้มาชุมนุมกันในบริเวณศูนย์กลางธุรกิจเพื่อสนับสนุนกลุ่มโปร-ประชาธิปไตย