รอยเตอร์ - พอล ชาน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฮ่องกง ระบุวานนี้ (27 ต.ค.) ว่าเกาะศูนย์กลางการค้าของจีนกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) และอาจเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์เอาไว้ในปีนี้ อันเป็นผลมาจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ลากยาวมานานกว่า 5 เดือนและไม่มีวี่แววว่าจะยุติลงง่ายๆ
ชาน ได้โพสต์ข้อความลงในบล็อกส่วนตัวเมื่อวันอาทิตย์ (27) โดยระบุว่า วิกฤตการเมืองครั้งนี้สร้างความเสียหาย “ในวงกว้าง” ต่อเศรษฐกิจฮ่องกง และคาดการณ์ GDP ไตรมาส 3 ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (31) จะแสดงถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่หดตัวติดกัน 2 ไตรมาส อันเป็นนิยามทางเทคนิคของภาวะถดถอย
รัฐมนตรีผู้นี้ระบุด้วยว่า เป็นเรื่อง “ยากลำบากอย่างยิ่ง” ที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจตลอดทั้งปี 0-1% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ก่อนจะมีการประท้วงเกิดขึ้น
สถานการณ์การประท้วงในฮ่องกงยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนเข้าสู่สัปดาห์ที่ 21 และเมื่อวานนี้ (27) ก็มีกลุ่มผู้ประท้วงที่สวมชุดดำและปกปิดใบหน้าจุดไฟเผาห้างร้าน และโยนระเบิดเพลิงเข้าใส่ตำรวจ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง และกระสุนยาง
กลุ่มผู้ประท้วงหัวรุนแรงได้อาละวาดเผาร้านค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และธนาคารสาขาของจีนในฮ่องกง และยังบุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินตามสถานีรถไฟใต้ดินของบริษัท เอ็มอาร์ที คอร์ป ซึ่งพวกเขามองว่าต่อต้านการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยและทำตามใบสั่งของรัฐบาล
รถไฟใต้ดิน MRT หยุดให้บริการเร็วกว่าปกติในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และประกาศจะปิดทำการเร็วขึ้น 2 ชั่วโมงในเวลา 23.00 น. วันนี้ (28) เพื่อซ่อมแซมความเสียหาย
จำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนฮ่องกงลดฮวบลงเกือบ 50% ในเดือน ต.ค. ซึ่ง ชาน ระบุว่าเป็น “สถานการณ์ฉุกเฉิน” ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข
ธุรกิจค้าปลีกตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ เรื่อยไปจนถึงกิจการในครอบครัวจำเป็นต้องปิดให้บริการหลายวันในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และแม้รัฐบาลฮ่องกงจะประกาศมาตรการช่วยเหลือธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมประท้วง แต่ ชาน ยอมรับว่า “ช่วยได้เพียงเล็กน้อย” เท่านั้น
รัฐมนตรีผู้นี้เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุม “ปล่อยประชาชนกลับไปใช้ชีวิตกันตามปกติ ให้ภาคอุตสาหกรรมและการค้ากลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามเดิม และเพิ่มพื้นที่สำหรับการพูดคุยอย่างมีเหตุมีผล”
คนหนุ่มสาวฮ่องกงไม่พอใจที่จีนเริ่มสยายอิทธิพลเข้าครอบงำเกาะแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และเกรงว่าสูตรการปกครอง “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ที่การันตีว่าชาวฮ่องกงจะมีสิทธิและเสรีภาพแตกต่างจากชาวจีนบนแผ่นดินใหญ่อาจถูกทำลายลง
จีนปฏิเสธข้อครหาแทรกแซงฮ่องกง และโทษรัฐบาลต่างชาติ เช่น สหรัฐฯ และอังกฤษ ว่าเป็นตัวการยุยงสร้างปัญหา