รอยเตอร์ - แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง ระบุวันนี้ (29 ต.ค.) ว่าเศรษฐกิจตลอดทั้งปี 2019 มีแนวโน้มขยายตัว ‘ติดลบ’ อันเป็นผลสืบเนื่องจากการชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อมานานถึง 5 เดือนและมีการใช้ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้เพียง 2 วัน พอล ชาน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฮ่องกง ก็ออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจฮ่องกงกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย (recession) และ “ยากลำบากอย่างยิ่ง” ที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจตลอดทั้งปี 0-1% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้
การประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ยกระดับจนกลายเป็นขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อเดือน มิ.ย. ทำให้เกาะศูนย์กลางการเงินแห่งนี้ดำดิ่งสู่วิกฤตการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี และยังถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งก้าวขึ้นปกครองจีนเมื่อปี 2012
“จากที่เราได้ประเมินล่าสุด การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2019 มีแนวโน้มที่จะเป็นลบ ซึ่งก็หมายความว่าแม้แต่เป้าหมายการเติบโตที่เราปรับลงมาเหลือแค่ 0-1% ก็อาจจะทำไม่สำเร็จ” ลัม กล่าว
“สถานการณ์ถือว่าย่ำแย่มาก”
คาดการณ์ GDP ไตรมาส 3 ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (31) จะแสดงถึงตัวเลขเศรษฐกิจฮ่องกงที่หดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส ซึ่งเป็นนิยามทางเทคนิคของภาวะถดถอย
ลัม ระบุว่า คณะบริหารของเธอจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทันทีที่เหตุจลาจลในฮ่องกงเบาบางลง แต่ก็ไม่ให้รายละเอียดที่ชัดเจน
สัปดาห์ที่แล้ว คณะบริหารของ ลัม ได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หลังจากที่ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 19,100 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงมาแล้วเมื่อเดือน ส.ค.
สถานการณ์การประท้วงในฮ่องกงยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนเข้าสู่สัปดาห์ที่ 21 และเมื่อวันอาทิตย์ (27) ก็มีกลุ่มผู้ประท้วงชุดดำและปกปิดใบหน้าจุดไฟเผาห้างร้าน และโยนระเบิดเพลิงเข้าใส่ตำรวจ ซึ่งเป็นภาพความรุนแรงที่เกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะยุติ
ลัม ยืนยันว่า รัฐบาลปักกิ่งยังคงเชื่อมั่นว่าคณะบริหารของเธอสามารถนำฮ่องกงกลับสู่ภาวะปกติได้ และพร้อมสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
คนหนุ่มสาวฮ่องกงไม่พอใจที่จีนเริ่มสยายอิทธิพลเข้าครอบงำเกาะแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และเกรงว่าสูตรการปกครอง “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ที่การันตีว่าชาวฮ่องกงจะมีสิทธิและเสรีภาพแตกต่างจากชาวจีนบนแผ่นดินใหญ่อาจถูกทำลายลง
จีนปฏิเสธข้อครหาแทรกแซงฮ่องกง และโทษรัฐบาลต่างชาติ เช่น สหรัฐฯ และอังกฤษ ว่าเป็นตัวการยุยงสร้างปัญหา
จำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนฮ่องกงลดฮวบลงเกือบ 50% ในเดือน ต.ค. ขณะที่บรรดาห้างค้าปลีกก็มียอดขายตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ทำให้สถิติคนตกงานและการล้มละลายของภาคธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น