รอยเตอร์ - แคร์รี ลัม เตือนการประท้วงทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงปีนี้มีแววติดลบ สอดคล้องกับคำเตือนของรัฐมนตรีคลังเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่ระบุว่า ฮ่องกงกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะเดียวกัน โจชัว หว่อง อดีตแกนนำม็อบร่มเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อ 5 ที่แล้ว โวยถูกรัฐบาลกีดกันไม่ให้ลงเลือกตั้ง
แม้เคยเป็นแกนนำนักศึกษาในม็อบร่มเมื่อปี 2014 แต่หว่องไม่ได้มีบทบาทสำคัญใดๆ ในการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในขณะนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเคลื่อนไหวโดยปราศจากผู้นำ
อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (29 ต.ค.) หนุ่มแว่นวัย 23 ปีผู้นี้ ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ร้องเรียนว่า การที่เขาถูกระบุขาดคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้งระดับท้องถิ่นด้วยเหตุผลว่า ให้การสนับสนุนแนวทางการกำหนดการปกครองด้วยตนเองของฮ่องกงนั้นเป็นการตัดตอนทางการเมือง หว่องระบุว่า เขาเป็นคนเดียวที่ถูกตัดสิทธิ์จากผู้สมัครทั้งหมดกว่า 1,100 คนในการเลือกตั้งสภาเขตซึ่งจะจัดขึ้นเดือนหน้า
ก่อนหน้านี้การเลือกตั้งในระดับนี้เป็นที่สนใจน้อยมากและมักมีแต่ผู้สมัครที่สนับสนุนปักกิ่ง แต่การประท้วงที่ยืดเยื้อมากว่า 4 เดือน ซึ่งเริ่มต้นจากการต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ขณะนี้ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการแล้วนั้น ปลุกเร้าให้คนฮ่องกงเห็นความสำคัญของการเลือกตั้งมากขึ้น และกระตุ้นให้มีผู้สมัครและผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ลอรา แอรอน เจ้าหน้าที่คืนบัตรการเลือกตั้งในเขตพื้นที่ของหว่อง อธิบายการตัดสินใจตัดสิทธิ์นักเคลื่อนไหวผู้นี้ว่า เนื่องจากปัญหาในการยอมรับอธิปไตยของจีนเหนือฮ่องกงของหว่อง รวมถึงภาพลักษณ์ในการสนับสนุนให้ฮ่องกงประกาศเอกราชและทำประชามติเกี่ยวกับประเด็นนี้
ทางด้านรัฐบาลฮ่องกงแถลงว่า มีผู้สมัคร 1 คนขาดคุณสมบัติตามกฎหมายเลือกตั้งที่ห้ามการสนับสนุนหรือส่งเสริมแนวทางการกำหนดการปกครองด้วยตนเอง แต่ไม่ได้ระบุโดยตรงว่าหมายถึงหว่อง
บนหน้าเฟซบุ๊กเมื่อวันเสาร์ (26 ต.ค.) หว่องโพสต์ยืนยันว่า ตนเองและพรรคเดโมซิสโตสนับสนุนแนวคิดในการทำประชามติแบบไม่มีผลผูกพันเกี่ยวกับอนาคตของฮ่องกง แต่ต่อต้านการประกาศเอกราช
การตัดสิทธิ์หว่องมีขึ้นหลังการประท้วงที่กลายเป็นความรุนแรงอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้ประท้วงชุดดำสวมหน้ากากจุดไฟเผาร้านค้าและขว้างระเบิดขวด และมีการปะทะกับตำรวจ
ในวันอังคาร แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวว่า อัตราเติบโตปีนี้มีแนวโน้มติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์อันเป็นผลจากการประท้วง หรืออีกนัยหนึ่งคือฮ่องกงคงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตแม้มีการลดระดับเป้าหมายลงอยู่ที่ 0-1% ก็ตาม
เมื่อวันอาทิตย์ (27 ต.ค.) พอล เฉิน รัฐมนตรีคลังเพิ่งเตือนว่า ฮ่องกงกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยและไม่มีแนวโน้มบรรลุเป้าหมายการเติบโตในปีปัจจุบัน โดยอ้างอิงการประมาณการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เบื้องต้นที่จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.) ที่แสดงให้เห็นว่า อัตราเติบโตหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ซึ่งเท่ากับการเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค
ลัมที่ได้รับการสนับสนุนจากปักกิ่ง เสริมว่า รัฐบาลจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่หลังจากการประท้วงยุติลง แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด
นอกจากนักท่องเที่ยวจะหายหน้าหายตาไปเกือบ 50% เฉพาะเดือนนี้แล้ว การประท้วงยังส่งผลให้บริษัทขนาดเล็กจำนวนมากต้องปิดกิจการหรือหาทางพยายามฟื้นฟูกำไร ยอดค้าปลีกทรุดทำสถิติ จำนวนคนว่างงานและการล้มละลายเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ประท้วงไม่พอใจที่ปักกิ่งแทรกแซงกิจการของฮ่องกงมากขึ้น ขณะที่จีนปฏิเสธและกล่าวหารัฐบาลต่างชาติ ซึ่งรวมถึงอเมริกาและอังกฤษ ก่อกวนให้เกิดความวุ่นวาย