รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีเซบาสเตียน พิเนรา แห่งชิลี สั่งปลดรัฐมนตรีมหาดไทยและรัฐมนตรีคลังในวันจันทร์(28ต.ค.) ในการปรับคณะรัฐมนตีครั้งใหญ่ ซึ่งมีเป้าหมายในการจำกัดวงวิกฤตทางการเมืองครั้งหนักหนาที่สุดนับตั้งแต่ประเทศแห่งนี้คืนสู่ระบอบประชาธิปไตยในปี 1990
อันเดรส ชาดวิค รัฐมนตรีมหาดไทย ลูกพี่ลูกน้องและคนสนิทของพิเนรา มาช้านาน ถูกแทนที่โดย กอนซาโล บลูเมล ประธานคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่ประสานงานกับสภานิติบัญญัติ พร้อมกันนั้น พิเนรา ยังได้แต่งตั้ง อิกนาซิโอ บริโอเนส ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังแทน ฟิลิเป ลาร์เรน ส่วนหนึ่งในการปรับคณะรัฐมนตรีทั้งหมด 8 ราย หรือ 1 ใน 3 ของคณะรัฐมนตรีทั้งหมด
คำแถลงปรับคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางเหตุจลาจล, วางเพลิงและการชุมนุมที่ยืดเยื้อมานานกว่า 1 สัปดาห์ ในการประท้วงต่อต้านความไม่เท่าเทียม
ชิลี ชาติผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ที่สุดของโลก เคยถูกยกมาช้านานว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความมั่งคั่งและเศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากที่สุดในละตินอเมริกา ด้วยอัตราคนยากจนและคนว่างงานอยู่ระดับต่ำ อย่างไรก็ตามระดับความไม่เท่าเทียมที่มากขึ้นและค่าครองชีพที่สูงขึ้นเรื่อยๆเริ่มก่อปัญหาแก่ประชาชน
เมื่อราวๆ 1 สัปดาห์ก่อน การประท้วงกลุ่มเล็กๆเกี่ยวกับการขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินได้ลุกลามบานปลายเข้าสู่เหตุจลาจลอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 17 รายและมากกว่า 7,000 คนถูกจับและธุรกิจต่างๆของประเทศได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,400 ล้านดอลลาร์
ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ชาวชิลีนับล้านคนเดินขบวนในย่านชานกรุงซันติอาโก เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงต้นแบบทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ
พิเนรา นักธุรกิจมหาเศรษฐีที่ผันตัวเข้าสู่แวดวงการเมือง ให้สัญญาว่าจะขึ้นภาษีคนรวย เพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำและเบี้ยบำนาญ รวมถึงปรับลดค่ายาและเข้าถึงระบบประกันสุขภาพที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งซึ่งจัดทำโดยสำนักโพล Cadem ระบุเมื่อวันอาทิตย์(27ต.ค.) พบว่าชาวชิลีกว่า 80% มองว่าข้อเสนอของเขานั้นยังไม่เพียงพอ และมีเสียงเรียกร้องบนสื่อสังคมออนไลน์ให้ชาวชีลีออกมารวมตัวกันบนท้องถนนที่ทำเนียบประธานาธิบดีในวันอังคาร(29ต.ค.)