เอเจนซีส์ - จีนห้ามเรือรบสหรัฐฯ เข้าเทียบท่าฮ่องกง ตอบโต้ที่ “ทรัมป์” ลงนามบังคับใช้กฎหมายสนับสนุนการประท้วงในเขตบริหารพิเศษที่เป็นศูนย์กลางการเงินโลกแห่งนี้ รวมทั้งแซงก์ชันเอ็นจีโออเมริกันฐานสนับสนุนผู้ประท้วงให้เข้าร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงและก่ออาชญากรรมกวนเมือง
ฮ่องกงเผชิญการประท้วงรุนแรงมาเกือบ 6 เดือนเพื่อเรียกร้องเพิ่มอำนาจการปกครองตนเอง ขณะที่ปักกิ่งกล่าวโทษว่า เป็นการยุยงปลุกปลั่นของต่างชาติ
เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองกฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยฮ่องกงที่กำหนดให้ผู้นำสหรัฐฯ ต้องทบทวนสถานะพิเศษทางการค้าของเขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนี้ทุกๆ ปี และอาจเพิกถอนสถานะดังกล่าวหากมีการลิดรอนเสรีภาพของฮ่องกง ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ส่งผลให้ปักกิ่งประกาศว่า จะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างรุนแรง
ในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) หวา ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า ปักกิ่งระงับคำร้องขอนำเรือรบสหรัฐฯ เข้าจอดที่ฮ่องกงอย่างไม่มีกำหนด และเตือนว่า หากอเมริกาไม่ยอมแก้ไขข้อผิดพลาดและยุติการแทรกแซงกิจการภายในของจีนแล้ว ปักกิ่งจะออกมาตรการตอบโต้เพิ่มเติมเพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่งคั่งของฮ่องกง รวมทั้งอธิปไตยของจีน
ก่อนหน้านี้จีนเคยปฏิเสธคำขอเข้าเทียบท่าฮ่องกงของเรือรบอเมริกัน 2 ลำในเดือนสิงหาคมโดยไม่ได้ระบุเหตุผล โดยเรือรบอเมริกันลำล่าสุดที่ได้แวะท่าเรือฮ่องกงคือ ยูเอสเอส บลู ริดจ์ ในเดือนเมษายนปีนี้
มิเชล ราสกา นักวิจัยด้านความมั่นคงของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางในสิงคโปร์ มองว่า แม้ในมุมมองทางทหาร การแซงก์ชันนี้ไม่ได้ส่งผลใดๆ เนื่องจากอเมริกาสามารถไปใช้ฐานทัพเรือมากมายหลายแห่งในเอเชีย แต่ถือเป็นสัญญาณว่า ความตึงเครียดระหว่างสองชาติมหาอำนาจจะรุนแรงมากขึ้น
ขณะที่ เจ. ไมเคิล โคล นักวิชาการอาวุโสในไทเปของสถาบันโกลบัล ไต้หวัน ขานรับว่า ความเคลื่อนไหวนี้มีนัยเชิงสัญลักษณ์ และเป็นอีกหนึ่งสัญญาณของการตอบโต้ที่รังแต่ทำให้สัมพันธภาพสองประเทศปีนเกลียวหนักขึ้น
นอกจากนั้นยังมีความกังวลมากขึ้นว่า ความขัดแย้งนี้จะบ่อนทำลายความพยายามในการบรรลุข้อตกลงขั้นต้นหรือที่เรียกกันว่า เฟส 1 ระหว่างจีนกับอเมริกาเพื่อยุติสงครามการค้าที่ยืดเยื้อมากว่าปี
หวาสำทับในการแถลงวันจันทร์ว่า ปักกิ่งยังจะแซงก์ชันบรรดาองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ของอเมริกาที่ดำเนินการอย่าง “เลวร้าย” เกี่ยวกับสถานการณ์วุ่นวายในฮ่องกง และว่า มีหลักฐานและข้อเท็จจริงจำนวนมากที่ยืนยันว่า องค์กรเหล่านี้ให้การสนับสนุนกลุ่มพลังที่ต่อต้านจีน ส่งเสริมกิจกรรมการแบ่งแยกประเทศเพื่อให้ฮ่องกงประกาศอิสรภาพ
สำหรับเอ็นจีโอที่จะถูกลงโทษ ได้แก่ เนชันแนล เอนดาวเมนต์ ฟอร์ เดโมเครซี, ฮิวแมน ไรต์ส วอตช์, ฟรีด้อมเฮาส์, อินเตอร์เนชันแนล รีพับลิกัน อินสติติวต์ และเนชันแนล เดโมเครติก ฟอร์ อินเตอร์เนชันแนล แอฟแฟร์ อย่างไรก็ดี ไม่มีการระบุรูปแบบการแซงก์ชันแต่อย่างใด
ปกติแล้วเอ็นจีโอต่างชาติถูกจำกัดความเคลื่อนไหวอย่างเข้มงวดอยู่แล้วในจีน และก่อนหน้านี้ได้ถูกตำหนิอย่างรุนแรงจากการรายงานปัญหาสิทธิมนุษยชนในแดนมังกร ซึ่งรวมถึงการกักกันมุสลิมอุยกูร์นับล้านในซินเจียง
สำหรับสถานการณ์การประท้วงในฮ่องกงล่าสุดนั้น เมื่อวันจันทร์ (2) มีพนักงานหลายร้อยคนไปรวมตัวประท้วงกันในย่านธุรกิจในช่วงพักเที่ยง บางคนแยกย้ายกลับออฟฟิศเมื่อถึงเวลางาน ขณะที่คนอื่นๆ บอกว่า จะหยุดงานเต็มวันตลอด 5 วันตามที่แกนนำเรียกร้อง
การชุมนุมในวันจันทร์ ยังมีพวกพนักงานของบริษัทโฆษณาต่างๆ เข้าร่วม ในการประชาสัมพันธ์การเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยด้วย
เฟร็ด พนักงานโฆษณาวัย 24 ปี บอกว่า เขาและเพื่อนร่วมงานไปช่วยทำสื่อโปรโมท “เศรษฐกิจสีเหลือง” เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย โดยขณะนี้ผู้ประท้วงจำนวนมากหันมาใช้สีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ นอกจากนั้นยังมีลูกโป่งสีเหลืองในสถานที่ชุมนุม
ผู้ประท้วงอีกส่วนบอกว่า บริษัทโฆษณาของพวกเขาปิดทำการ 1 สัปดาห์เพื่อสนับสนุนการประท้วงและหวังว่า เอเจนซีส์แห่งอื่นๆ จะทำแบบเดียวกันเพื่อให้โฆษณาเป็นอุตสาหกรรมแรกที่เข้าร่วมการเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างเปิดเผย
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ (1) ที่ผ่านมา ตำรวจฮ่องกงใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมของคนนับพันระหว่างการเดินขบวนในย่านเกาลูน ในวันเดียวกันนี้ มีผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งเดินขบวนไปยังสถานกงสุลเพื่อขอบคุณวอชิงตันที่ให้การสนับสนุน การเคลื่อนไหวเหล่านี้ถือเป็นการกลับมาแสดงพลังครั้งใหม่หลังจากบรรยากาศในฮ่องกงสงบเรียบร้อยมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ภายหลังการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผู้สมัครฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยได้ชัยชนะขาดลอย