ไชน่าเดลี ( 2 ธ.ค.) - ปักกิ่งได้ระงับการตรวจสอบคำร้องโดยกองเรือและฝูงบินของกองทัพสหรัฐฯ เพื่อเยี่ยมชมฮ่องกง อันเป็นขั้นตอนตอบสนองต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับฮ่องกงที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ และปักกิ่งโต้กฎหมายดังกล่าวว่า เป็นการแทรกแซงกิจการของจีนโดยรัฐบาลสหรัฐ
หวาชุนอิ่ง โฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศกล่าวกับผู้สื่อข่าวโดยสรุปว่า องค์กรเอกชนจำนวนมากที่อยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงองค์กรเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะได้รับการคว่ำบาตรจากประเทศจีน
โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่า "จีนจะลงโทษองค์กรเอกชน เช่น NED, สถาบันประชาธิปไตยแห่งชาติเพื่อการต่างประเทศ (NDI), International Republican Institute (IRI), Freedom House และ Human Rights Watch สำหรับกิจกรรม "สกปรกและเลวร้าย" ที่เกิดขึ้นในฮ่องกง
"มีหลักฐานจำนวนมากที่พิสูจน์ว่าองค์กรพัฒนาเอกชนเหล่านี้ได้สนับสนุนกองกำลังต่อต้านจีนเพื่อสร้างความโกลาหลในฮ่องกง และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนกองกำลังเหล่านี้ให้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดทางอาญาอย่างรุนแรงและยังกระตุ้นกิจกรรมแบ่งแยกดินแดนฮ่องกง"
“พวกเขามีความรับผิดชอบอย่างมากต่อความวุ่นวายโกลาหลในฮ่องกงในปัจจุบัน และควรได้รับการลงโทษ”
"NED เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงที่มีบทบาทสำคัญในการระดมทุนการปฏิวัติสีและฝึกอบรมนักกิจกรรมทางการเมืองทั่วโลกเพื่อสร้างปัญหาให้กับรัฐที่ไม่ใช่ตะวันตกจำนวนมาก" หลู เซียง นักวิจัยอเมริกันศึกษา ที่ Chinese Academy of Social Sciences ในปักกิ่งกล่าว
"NDI และ IRI เป็นสององค์กรที่ได้รับเงินทุนส่วนใหญ่จาก NED และ NDI เป็นไปตามแนวการเมืองของพรรคเดโมแครต ในขณะที่ IRI ติดตามพรรครีพับลิกันองค์กรพัฒนาเอกชนทั้งสอง มีเป้าหมายสำคัญในการริเริ่มและส่งผลก่อการวุ่นวายใจนฮ่องกง " เตียว ต้าหมิง ผู้เชี่ยวชาญด้านอเมริกันศึกษา ที่ Renmin University of China กล่าวกับโกลบอลไทม์ ในวันจันทร์ ที่ 2 ธันวาคม
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามในพระราชบัญญัติสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของฮ่องกง ซึ่งปักกิ่งโต้การลงนามดังกล่าวว่าเป็น "การแทรกแซง" และหากผู้นำสหรัฐลงนามจักได้รับ "ผลที่ตามมา" ทรัมป์โต้ ลงนามด้วยความเคารพต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง, ประเทศจีน และประชาชนชาวฮ่องกง
ทำเนียบขาวกล่าวในแถลงการณ์ “พระราชบัญญัติสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยฮ่องกง และแก้ไขพระราชบัญญัตินโยบายสหรัฐอเมริกา - ฮ่องกงปี พ.ศ. 2535 ระบุนโยบายของสหรัฐฯ ที่มีต่อฮ่องกง รวมถึงการประเมินผลการพัฒนาการเมืองในฮ่องกง”
“บทบัญญัติบางประการให้อำนาจตามรัฐธรรมนูญของประธานาธิบดี ในการกระทำแทรกแซงในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา”
กฎหมายดังกล่าวได้กระตุ้นการรุกกลับจากรัฐบาลจีนซึ่งในวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้เรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศจีน นายเทอร์รี่ แบรนดสแตด เพื่อเตือนว่าการผ่านกฎหมายของสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเป็นการ "การแทรกแซง" ในกิจการภายในของประเทศจีน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เจิ้ง เจ้อกวง ได้เรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศจีน นายเทอร์รี่ แบรนดสแตด เพื่อประท้วงเป็นครั้งที่สามจากรัฐบาลปักกิ่งในเวลาไม่ถึงสัปดาห์
“ผลที่เกิดขึ้นทั้งหมด [จากพระราชบัญญัติสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของฮ่องกง] จะต้องตกเป็นภาระของสหรัฐอเมริกา” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวหลังจากการพบปะกับ แบรนดสแตด
กฎหมายจะอนุญาตให้วอชิงตันระงับสถานะการค้าพิเศษของฮ่องกง นอกจากนี้ยังจะให้ดุลยพินิจของกระทรวงการต่างประเทศแก่ผู้ที่ถูกลงโทษจากจีนแผ่นดินใหญ่ ในข้อหาบ่อนทำลายเขตปกครองตนเองของฮ่องกง และสั่งเจ้าหน้าที่ไม่ให้ปฏิเสธวีซ่าให้กับบุคคลผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ถูกจับกุมหรือถูกคุมขังในฮ่องกง
วุฒิสมาชิกแห่งฟลอริดา มาร์โค รูบิโอ กล่าวว่า ด้วยการออกกฎหมายของสหรัฐฯ ขณะนี้ สหรัฐฯ มี“ เครื่องมือใหม่ที่ใช้เพื่อยับยั้งอิทธิพลและการแทรกแซงจากปักกิ่งเข้าสู่กิจการภายในของฮ่องกง”