เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ (28 พ.ย.) โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในพระราชบัญญัติสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของฮ่องกง ปักกิ่งโต้การลงนามดังกล่าวว่าเป็น "การแทรกแซง" และหากผู้นำสหรัฐลงนามจักได้รับ "ผลที่ตามมา" ทรัมป์โต้ ลงนามด้วยความเคารพต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง, ประเทศจีน และประชาชนชาวฮ่องกง
รายงานข่าวกล่าวว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (27 พ.ย.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในกฎหมายกฎหมายที่สามารถนำมาดำเนินการทางการทูตและการลงโทษทางเศรษฐกิจกับฮ่องกง ไม่แยแสคำเตือนของทางการจีนกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว
ทำเนียบขาวกล่าวในแถลงการณ์ “พระราชบัญญัติสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยฮ่องกง และแก้ไขพระราชบัญญัตินโยบายสหรัฐอเมริกา - ฮ่องกงปี พ.ศ. 2535 ระบุนโยบายของสหรัฐฯ ที่มีต่อฮ่องกง รวมถึงการประเมินผลการพัฒนาการเมืองในฮ่องกง”
“บทบัญญัติบางประการให้อำนาจตามรัฐธรรมนูญของประธานาธิบดี ในการกระทำแทรกแซงในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา”
กฎหมายดังกล่าวได้กระตุ้นการรุกกลับจากรัฐบาลจีนซึ่งในวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้เรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศจีน นายเทอร์รี่ แบรนดสแตด เพื่อเตือนว่าการผ่านกฎหมายของสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเป็นการ "การแทรกแซง" ในกิจการภายในของประเทศจีน
โดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมาย ซึ่งจะห้ามการขายอาวุธที่ผลิตในสหรัฐฯ เช่นแก๊สน้ำตาและกระสุนยางให้กับเจ้าหน้าที่ของเมือง
“ผมลงนามในกฎหมายเหล่านี้ด้วยความเคารพต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง, ประเทศจีน และประชาชนชาวฮ่องกง” ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวของทำเนียบขาว
“กฎหมายดังกล่าวถูกตราขึ้นมาด้วยความหวังว่าผู้นำและผู้แทนของจีนและฮ่องกงจะสามารถใช้ความแตกต่างอย่างเป็นมิตรเพื่อนำไปสู่สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาวสำหรับทุกคน”
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เจิ้ง เจ้อกวง ได้เรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศจีน นายเทอร์รี่ แบรนดสแตด เพื่อประท้วงเป็นครั้งที่สามจากรัฐบาลปักกิ่งในเวลาไม่ถึงสัปดาห์
“ผลที่เกิดขึ้นทั้งหมด [จากพระราชบัญญัติสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของฮ่องกง] จะต้องตกเป็นภาระของสหรัฐอเมริกา” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวหลังจากการพบปะกับ แบรนดสแตด
กฎหมายจะอนุญาตให้วอชิงตันระงับสถานะการค้าพิเศษของฮ่องกง นอกจากนี้ยังจะให้ดุลยพินิจของกระทรวงการต่างประเทศแก่ผู้ที่ถูกลงโทษจากจีนแผ่นดินใหญ่ ในข้อหาบ่อนทำลายเขตปกครองตนเองของฮ่องกง และสั่งเจ้าหน้าที่ไม่ให้ปฏิเสธวีซ่าให้กับบุคคลผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ถูกจับกุมหรือถูกคุมขังในฮ่องกง
วุฒิสมาชิกแห่งฟลอริดา มาร์โค รูบิโอ กล่าวว่า ด้วยการออกกฎหมายของสหรัฐฯ ขณะนี้ สหรัฐฯ มี“ เครื่องมือใหม่ที่ใช้เพื่อยับยั้งอิทธิพลและการแทรกแซงจากปักกิ่งเข้าสู่กิจการภายในของฮ่องกง”
ทั้งนี้การลงนามกฎหมายฯ ของทรัมป์เกิดขึ้นในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในฮ่องกงซึ่งการประท้วงต่อต้านรัฐบาล เกิดจากข้อเสนอร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน และขยายสู่การเรียกร้องปฏิรูปประชาธิปไตยและเรียกร้องความรับผิดชอบความรุนแรงในการปราบปรามผู้ประท้วงของตำรวจ
ผู้ประท้วงหลายคนเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ - และโดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนการประท้วงของพวกเขา
กฎหมายนี้เป็นอีกความคืบหน้าหนึ่ง หลังชัยชนะอย่างถล่มทลายของพรรคประชาธิปไตย ในการเลือกตั้งท้องถิ่นของฮ่องกงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาโดยมีค่ายผู้สนับสนุนประชาธิปไตยคว้าชัยชนะใน 17 เขต จาก 18 เขต
“หลังจากการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในฮ่องกง ซึ่งรวมไปถึงกฏหมายใหม่นี้ ไม่มีจังหวะอะไรเหมาะสมไปกว่านี้แล้ว ในการแสดงการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ กับอิสรภาพอันควรค่าการหวงแหนของชาวฮ่องกง” วุฒิสมาชิกฯ กล่าว