รอยเตอร์ส--กลุ่มโปรกเกอร์บริษัทหลักทรัพย์จีนชั้นนำ 21 ราย ประกาศเมื่อวานนี้ (4 ก.ค.) จะร่วมอัดฉีดการลงทุน อย่างน้อย 120,000 ล้านหยวน หรือ 19,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 600,000 ล้านบาท เพื่อช่วยประคับประคองเสถียรภาพตลาดหุ้นในประเทศ ที่ขณะนี้ร่วงลงไปเกือบ 30 เปอร์เซนต์ นับจากกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลมังกรได้ออกมาตรการช่วยสกัดภาวะชะลอตัวเศรษฐกิจ ที่เขย่าตลาดหุ้นอย่างแรง ได้แก่ มาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และมาตรการผ่อนปรนการกู้ยืมเพื่อหลักทรัพย์ แต่ก็ยังมิอาจหยุดกระแสเทขาย
ขณะนี้บรรดานักลงทุนทั่วโลกกำลังวิตกวิกฤตตลาดหุ้นในจีน เนื่องจากกลัวกันว่าการล้มครืนของตลาด จะทำลายเสถียรภาพเศรษฐกิจมังกรที่มีขนาดใหญ่อันดับสองของโลก
จากรายงานข่าวบนเว็บไซต์สมาคมตลาดหุ้นจีน ระบุ เมื่อวันเสาร์(4 ก.ค.) กลุ่มบริษัทนายหน้าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ หรือโปรกเกอร์ฯ ได้เปิดประชุมในกรุงปักกิ่ง ถกเถียงสถานการณ์ตลาดหุ้น และแสดงความเชื่อมั่นในการพัฒนาตลาดทุนจีน
“โปรกเกอร์บริษัทหลักทรัพย์ 21 ราย จะร่วมมือกันอัดฉีดการลงทุน 15 เปอร์เซนต์ของสินทรัพย์สุทธิ ณ ปลายเดือนมิ.ย. หรือ ไม่น้อยกว่า 120,000 ล้านหยวน ในกองทุนอีทีเอฟ (ETF / Exchange Traded Fund) ชั้นดี
“กลุ่มโปรกเกอร์จะไม่เทขาย ตราบเท่าที่ดัชนีคอมโพซิทเซี่ยงไฮ้ ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 4,500 จุด”
ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ หรือ SSEC ร่วง 5.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันศุกร์(3 ก.ค.) มาอยู่ที่ 3,684 จุด
ด้านพญามังกรพยายามหาสูตรนโยบายเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นของประเทศ
หลังปิดตลาดในวันศุกร์ คณะกรรมการกำกับดูแลกฎระเบียบตลาดหลักทรัพย์จีน แถลงว่า จะลดไอพีโอ การระดมทุน และสนับสนุนกลุ่มนักลงทุนระยะยาว ที่จะเข้ามาในตลาดเพื่อช่วยรักษาเสถีรภาพราคา
ด้านธนาคารประชาชนแห่งจีน หรือธนาคารกลาง ได้ก็ทุ่มกว่า 250,000 ล้านหยวน อัดฉีดเงินกู้ระยะกลางให้แก่กลุ่มธนาคารเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อประกันสภาพคล่องในระบบ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นจีนขยายตัวขึ้นกว่าเท่าตัวระหว่างเดือนพ.ย. และ กลางเดือนมิ.ย. อันเนื่องมาจากกลุ่มนักลงทุนรายย่อย ที่ใช้เงินกู้ยืมมาเก็งกำไรในตลาด
อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักลงทุนก็ชี้ว่าการใช้นโยบายด้านการเงินและผ่อนปรนกฎระเบียบมาช่วยแก้ปัญหาตลาดหุ้นอย่างทันทีเช่นนี้ ก็สร้างคำถามว่า “จีนพร้อมที่จะเปิดตลาดทุนของตน และขยายอิทธิพลในระบบการเงินระหว่างประเทศ หรือไม่”