เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - สืบเนื่องจากการประชุมสภาผู้แทนประชาชนจีนประจำปี 2557 อันมีความสำคัญในการกำหนดทิศทางพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และภาคส่วนอื่นๆ ของประเทศ ได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการในวานนี้ โดยมี “ปัญหามลพิษ” แซงหน้าขึ้นเป็นประเด็นถกเถียงหลัก ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมภารกิจ “ปราบคอร์รัปชั่น” ให้สิ้นซากจากแผ่นดินมังกร
คณะกรรมการกลางแห่งสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน หรือซีพีพีซีซี (CPPCC) ได้สรุปวาระการประชุมสภาผู้แทนประชาชนจีนประจำปี 2557 ซึ่งจัดขึ้น ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ 3-12 มี.ค. โดยตลอดระยะเวลา 10 วันของ บรรดาสมาชิกสภาได้ร่วมอภิปรายข้อเสนอต่างๆ กว่า 5,875 ฉบับ ซึ่งในจำนวนนี้มี 4,982 ฉบับที่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ได้ปรากฏข้อเสนอ 596 ฉบับ หรือมากกว่า 1 ใน 10 ของข้อเสนอฯ เข้าไปเกี่ยวข้องกับ “ปัญหามลพิษ” โดยพยายามผลักดันให้แก้ไขวิกฤตสภาพอากาศ ทรัพยากรดิน และทรัพยากรน้ำปนเปื้อนสารพิษ ตลอดจนกระตุ้นเจ้าหน้าที่รัฐเสริมสร้างเกราะป้องกันสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชนบทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นายจัง เต๋อเจียง ประธานสภาสมัชชาประชาชนจีน หรือเอ็นพีซี (NPC) กล่าว (9 มี.ค.) ในรายงานการปฏิบัติงานประจำปีว่าจะสนับสนุนการออกบทกฎหมายเพื่อต่อสู้กับมลพิษอย่างเต็มที่ อันตอกย้ำเจตนารมณ์ของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ที่เผยไว้เมื่อเริ่มเปิดการประชุมในช่วงต้นสัปดาห์ก่อน
ประธานจัง สมาชิกลำดับที่ 3 ของคณะกรรมการประจำกรมการเมือง หรือปูลิตบูโร ซึ่งเป็นคณะผู้นำสูงสุดของประเทศ กล่าวว่า การหยุดยั้งปัญหามลพิษเป็นหนึ่งภารกิจสำคัญที่ต้องเร่งจัดการในปีนี้ ผ่านกระบวนการทางกฎหมายและบทเรียนความผิดพลาดอื่นๆ ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของสาธารณะชนต่อสภาวะแวดล้อมที่เสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านประเด็นปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชนก็ยังคงได้รับความสำคัญเช่นเดิม ด้วยข้อเสนอที่ได้รับการอนุมัติกว่า 1,484 ฉบับ เรียกร้องมาตรการส่งเสริมและแก้ไขปัญหาต่างๆ ตั้งแต่การศึกษาสายวิชาชีพในถิ่นอาศัยของชนกลุ่มน้อยจนถึงการพัฒนาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศ
รวมถึงการกระจายทรัพยากรบุคคลและอื่นๆ อันมีความจำเป็นต่อการพัฒนาระบบให้บริการทางการแพทย์ในพื้นที่ชนบท และทำให้ระบบประกันสุขภาพระหว่างเมืองกับชนบทมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน หลังเกษตรกรจีนจำนวนมากพากันตำหนิว่า มาตรฐานระบบประกันสุขภาพในชนบทยังล้าหลังกว่าเขตเมืองอยู่ไกลโพ้น
อนึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่า ระบบประกันสุขภาพระหว่างเมืองกับชนบทที่มีความสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกัน จะช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่ห่างไกลได้รับการดูแลรักษาอย่างเท่าเทียมและดีขึ้น โดยเฉพาะกรณีการเจ็บป่วยขั้นรุนแรง
ขณะเดียวกันสมาชิกสภาฯ ยังเรียกร้องการช่วยเหลือสังคมในระดับต่างๆ อาทิ คนงานก่อสร้างที่ได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน การปกป้องสิทธิเด็กและสตรีที่ถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลังในชนบท หรือแม้กระทั่งพ่อแม่ที่สูญเสียลูกคนเดียวของพวกเขาไป
ในยุคแห่งการเร่งพัฒนาประเทศของจีน เด็กและสตรีจำนวนมากถูกละทิ้งไว้ที่บ้านในชนบทอย่างเดียวดาย หลังจากสามีหรือหัวหน้าครอบครัวต้องโยกย้ายไปเป็น “แรงงานต่างถิ่น” ในเมืองใหญ่ที่พยายามยกระดับตัวเองให้เป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากในการร้องขอความช่วยเหลือเมื่อถูกละเมิดสิทธิอันพึงมีพึงได้ในชีวิต
อย่างไรก็ดี แนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมของคณะผู้นำจีนได้ดึงดูดความสนใจจากสาธารณะชน โดยเฉพาะข้อเสนอกว่า 1,018 ฉบับ ซึ่งรัฐบาลกลางให้คำมั่นสัญญาว่าจะจัดตั้งทีมที่นำโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เข้ามาจัดการดูแลอย่างเต็มระบบ ขณะที่ด้านภาพรวมเศรษฐกิจ สมาชิกสภาฯ เสนอให้มีการตัดลดขั้นตอนการอนุมัติแผนงานสำหรับกิจกรรมทางธุรกิจ และคุมเข้มการเงินของรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อลดความเสี่ยงการก่อหนี้สินไร้ประโยชน์
นอกจากนั้นยังเรียกร้องการควบคุม “ภาคการเงินออนไลน์” หลังจากธนาคารหลายแห่งที่บริหารงานโดยรัฐบาล เปิดเผยความกังวลว่าภาคการเงินในโลกอินเทอร์เน็ตที่เติบโตอย่างรวดเร็ว อาจเพิ่มภาระและความเสี่ยงสู่วิกฤตการเงินครั้งใหม่ได้ในอนาคต
นายกฯ จีนลั่นมาตรการ “ไม่อดทน” ต่อปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นอีกต่อไป
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงาน (13 มี.ค.) ว่า นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในงานแถลงข่าว ณ กรุงปักกิ่ง ว่า รัฐบาลจีนจะดำเนินนโยบาย “ความอดทนเป็นศูนย์” (zero tolerance) หรือที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยเปรียบเปรยไว้ว่า “ตีไม่เลี้ยงทั้งเสือทั้งแมลงวัน” กับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐที่ก่อการทุจริตคอร์รัปชั่น รับสินบน หรือใช้อำนาจในทางที่ผิด
“ภายใต้ข้อกฎหมาย ทุกคนต่างมีความเท่าเทียมกันทั้งหมด”
“เราจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับเหล่าเจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่น” หลี่กล่าววันนี้ระหว่างงานพบปะสื่อมวลชน ซึ่งจะจัดขึ้นหลังการประชุมสภาสมัชชาประชาชนแห่งชาติ หรือเอ็นพีซี (NPC) สิ้นสุดลง
“จีนเป็นประเทศที่อยู่ภายใต้หลักนิติธรรม”
“ไม่สลักสำคัญว่าเขาจะเป็นใคร หรือยิ่งใหญ่มาจากไหน ถ้าบุคคลผู้นั้นละเมิดระเบียบวินัยของพรรคฯ และกฎหมายของประเทศ เขาต้องได้รับการลงโทษอย่างเต็มสรรพกำลังของกฎหมาย เพราะ ‘ทุกคนล้วนเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย’ ด้วยกันทั้งสิ้น”