ขณะที่จวงจื่อเดินอยู่ในสวนเตียวหลิง ก็เห็นนกประหลาดตัวหนึ่ง บินมาจากทิศใต้ ปีกของมันกว้างใหญ่ถึงเจ็ดศอก และนัยน์ตาใหญ่ถึงหนึ่งนิ้ว มันบินเฉี่ยวศีรษะของจวงจื่อและลงเกาะที่กิ่งต้นเกาลัด “นั่นเป็นนกอะไรกัน!” จวงจื่ออุทาน “ปีกของมันออกใหญ่โตแต่บินได้สูงเพียงนี้ ตาก็ใหญ่แต่มองไม่เห็น”
จวงจื่อรวบอาภรณ์ให้กระชับ และก้าวย่องไปขึ้นสายหน้าไม้ ตั้งท่าเล็งไปที่เหยื่อหมายยิง ขณะนั้นเองเขาก็เห็นจักจั่นกำลังเพลิดเพลินอยู่ใต้เงาไม้ ลืมทุกอย่างรอบตัว ที่ด้านหลังของมันมีตั๊กแตนตัวหนึ่งกำลังคืบคลานมา เหยียดง้างขาหน้าเตรียมตระครุบจักจั่นโดยที่มันเองก็หลงลืมตัวเองสิ้นขณะที่กำลังจ้องเหยื่อ ส่วนนกประหลาดก็ย่องมาข้างหลัง ตั้งท่าพร้อมตะครุบตั๊กแตนจนลืมตัวตนอันแท้จริงไปเช่นกัน ขณะที่กำลังจับจ้องมุ่งหวัง จวงจื่อสั่นสะท้านต่อสิ่งทั้งหมดที่ได้เห็นนี้
“อา! สิ่งต่างๆไม่มีอะไรเลย นอกจากการทำลายล้างซึ่งกันและกัน!” จวงจื่อโยนหน้าไม้ทิ้ง หันหลังกลับ รีบเดินออกจากสวน แต่คนเฝ้าสวนวิ่งไล่หลังมา พลางร้องตะโกนกล่าวหาว่าขโมยล่าสัตว์
จวงจื่อกลับมาบ้าน นับจากนั้นเป็นเวลาสามเดือน เขาดูไม่มีความสุขเลย ลิ่นเฉี่ยเอ่ยถามขึ้นว่า “อาจารย์ เหตุใดหมู่นี้จึงดูท่านไม่มีความสุข?”
จวงจื่อตอบว่า “การที่ติดยึดกับรูปกายภายนอก ทำให้ข้าหลงลืมภายในตนเอง การมัวจดจ้องน้ำที่ขุ่น ทำให้หลงผิดคิดไปว่ามันเป็นสระน้ำที่ใส ยิ่งไปกว่านี้ข้ายังได้ยินอาจารย์ของข้ากล่าวว่า ‘เมื่อเข้าสู่ทางโลก ก็ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของที่นั่น’ ข้าไปยังสวนเตียวหลิง และลืมตัวตนที่แท้จริง นกประหลาดได้บินเฉี่ยวศีรษะข้าไปเกาะอยู่ที่กิ่งเกาลัด และลืมตัวตนที่แท้ของมันเช่นกัน และคนเฝ้าสวนก็สร้างความอับอายแก่ข้าอย่างยิ่ง ด้วยคิดว่าข้าเป็นผู้บุกรุกล่าสัตว์ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ข้าไม่มีความสุข”
แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子)