ขงจื่อกล่าวแก่ซังฮู่ว่า “ข้าถูกขับออกจากแคว้นหลู่ถึงสองครั้งสองครา มีคนโค่นต้นไม้ใส่ข้าในแคว้นซ่ง ถูกลบล้างรอยเท้าในแคว้นเหว้ย และถูกก่อกวนในแคว้นซังและแคว้นโจว ถูกปิดล้อมระหว่างแคว้นเฉินและแคว้นไช่ ข้าประสบเคราะห์กรรมอย่างเหลือคณา กระทั่งญาติมิตรผู้ที่คบหาต่างหน่ายแหนง มิตรสหายและศิษย์ค่อยๆหลีกเร้น เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?”
จื่อซังฮู่กล่าวว่า “ท่านเคยได้ยินเรื่องหลินหุยหรือไม่? ผู้ที่หนีออกจากแคว้นเจี่ย เขาทิ้งวงแหวนหยกมีค่าพันตำลึงทอง ผูกบุตรชายวัยทารกไว้ที่หลัง และรีบหนีไป มีคนพูดกับเขาว่า ‘หากท่านคิดถึงเงินทอง แน่นอน ทารกน้อยนั้นไม่อาจเทียบได้กับทรัพย์ หรือหากท่านคิดถึงความยุ่งยาก แน่นอนว่าทารกน้อยนั้นยิ่งสร้างความยุ่งยากลำบากเป็นทวีคูณ เหตุใดจึงโยนหยกที่มีค่าพันตำลึงทอง และรีบอุ้มทารกน้อยขึ้นหลังหนีไปเยี่ยงนี้?’
“หลินหุยตอบไปว่า ‘หยกแว่นฟ้านั้นผูกพันกับข้าด้วยผลประโยชน์ แต่เด็กน้อยกับข้านั้นได้มาอยู่ร่วมกันโดยฟ้า ทุกสิ่งที่สัมพันธ์กันด้วยผลประโยชน์ เมื่อถูกบีบคั้นด้วยเคราะห์กรรมหรือภยันตราย ย่อมผลักไสละทิ้งกันไป แต่ทุกสิ่งที่สัมพันธ์กันโดยฟ้า เมื่อถูกภยันตรายคุกคาม ย่อมยึดกันไว้อย่างแนบแน่น การเข้าหากันและการผลักไสกันนั้นช่างแตกต่างห่างไกลกันยิ่ง’
“มิตรภาพของบัณฑิตย่อมจืดสนิทดุจน้ำ มิตรภาพของคนพาลหวานดั่งสุรา แต่ความจืดชืดไร้รสชาติของบัณฑิตนั้น นำไปสู่ความผูกพัน ขณะที่ความหอมหวานของคนพาลนั้น นำไปสู่ความแตกแยก บรรดาผู้คนที่มิได้มุ่งหมายที่จะเข้าร่วมสัมพันธ์กัน ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะแตกแยก”
แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子)