xs
xsm
sm
md
lg

“วสิษฐ” เตือน รบ.ปูเดินหน้านิรโทษฯ เสี่ยงเกิดสงครามกลางเมือง ยัน ปชช.ชนะแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
“วสิษฐ” ตวัดปากกาจวก รบ.ปู สุดอัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เหิมออกกฎหมายนิรโทษให้พี่ชายเพื่อล้างผิดให้อาชญากร ชี้หากเดินหน้าต่อม็อบบริเวณต่างๆ อาจมีการยกระดับการชุมนุมปิดล้อม เสี่ยงเกิดสงครามกลางเมืองแน่ แต่ประชาชนจะเป็นฝ่ายชนะ แนะเลิกดันทุรังก่อนเป็นสัมภเวสีไม่มีกำหนดกลับแบบ “ทักษิณ”

วันนี้ (4 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตหัวหน้าตำรวจราชสำนักประจำและอดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ได้เขียนบทความชื่อ “สงครามกลางเมือง” เผยแพร่ให้แก่สื่อมวลชน มีใจความว่า

ผมผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนอายุของผมกว่า 80 ปีแล้ว เคยมีตำแหน่งหน้าที่ทั้งในราชการ ประจำและการเมือง เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและรัฐมนตรี เคยเห็นการยึดอำนาจการปกครองมา หลายครั้ง แต่ที่เคยเห็นนั้นเป็นแต่การยึดอำนาจที่ทำโดยทหารถืออาวุธ ไม่เคยนึกว่าจะได้เห็นการ ยึดอำนาจการปกครองโดยพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากในรัฐสภา จนกระทั่งวันนี้

พฤติการณ์ของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นบทที่น่าอัปยศอดสูที่สุดบทหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองของไทย เพราะสามารถเอาชนะในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาด้วยคะแนนเสียงเหนือพรรคอื่นๆ พรรคเพื่อไทยจึงสามารถตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีหุ่น (โดยมี (พ.ต.ท.) ทักษิณ ชินวัตร) เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง) และเมื่อยึดรัฐสภาและรัฐบาลได้แล้ว สมุนของ (พ.ต.ท.) ทักษิณก็รุกคืบต่อไป ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญและออกกฎหมายนิรโทษกรรม รัฐธรรมนูญฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้น เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อเสริมอำนาจทางการเมืองของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ส่วนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และได้ส่งไปให้วุฒิสภาพิจารณาแล้วนั้น ก็เห็นได้ชัดเช่นกันว่าทำเพื่อนิรโทษหรือล้างผิดโดยปราศจากเงื่อนไขให้แก่อาชญากรที่ปล้น ฆ่า และโกงบ้านโกงเมือง โดยมี (พ.ต.ท.) ทักษิณ เป็นหัวหน้าอาชญากร

หากร่างกฎหมายนิรโทษฉบับนี้ผ่านรัฐสภาและประกาศใช้อาชญากรคนหนึ่งที่จะพ้นผิดทุกกระทงก็คือ (พ.ต.ท.) ทักษิณ รัฐจะต้องคืนเงินประมาณ 46,000 ล้านบาท ที่ยึดจาก (พ.ต.ท.) ทักษิณ และจะต้องชำระดอกเบี้ยให้ด้วย รวมแล้วเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาททั้งสิ้นนี้กำลังจะเกิดขึ้นเพราะความพยายามที่จะการยึดอำนาจการปกครองประเทศโดย พรรคเพื่อไทย

พรรคประชาธิปัตย์อันเป็นฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มภาคภูมิในการค้านทั้งร่างรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม การทำหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ประชาชน ตาสว่าง และเห็นว่ากำลังจะเกิดอะไรแก่บ้านเมือง จึงมีการจัดตั้งกลุ่มต่างๆ ขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ซึ่งตั้งเวทีชุมนุมต่อต้านอยู่ที่สวนลุมพินี เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ซึ่งตั้งเวทีชุมนุมอยู่ที่บริเวณเชิง สะพานอุรุพงษ์ และกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตั้งเวทีชุมนุมอยู่ที่ข้างสถานีรถไฟสามเสน

กลุ่มต่างๆ เหล่านี้ได้ประกาศที่จะชุมนุมต่อต้านอย่างยืดเยื้อ ทุกกลุ่มมีจำนวนผู้เข้าร่วม ชุมนุมมากขึ้นตลอดเวลา รวมทั้งที่มาจากต่างจังหวัดด้วย หลายจังหวัดก็มีการชุมนุมของกลุ่มที่ต่อต้านกฎหมายอัปยศฉบับนี้ด้วย ล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านไปนี้ กลุ่มนักธุรกิจถนนสีลม กลุ่มแพทย์ และพยาบาล และกลุ่มอาจารย์และนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัยก็ประกาศจะชุมนุม ต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมด้วย

ท่าทีของทางฝ่ายรัฐบาลนั้น ขณะนี้เป็นไปทางด้านสงบและหยั่งเชิง แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความพยายามที่จะขัดขวางการชุมนุมด้วยอุบายต่างๆ เช่น เอาหมามุ่ยไปโรยใส่ผู้ชุมนุมที่อุรุพงษ์ ขัดขวางมิให้มีการส่งอุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น เต็นท์ และเครื่องขยายเสียงเข้าไปยังผู้ชุมนุมในเวลาเดียวกัน รัฐบาลก็ส่งกำลังตำรวจปราบจลาจลจำนวนมากพร้อมด้วยอุปกรณ์เข้ามาคอยทีอยู่ในกรุงเทพฯ และพร้อมที่จะปฏิบัติการ

ถ้าหากว่ารัฐบาลยังยืนกรานที่จะเดินหน้าออกฎหมายนิรโทษกรรมให้ได้ กลุ่มต่อต้านต่างๆ ก็คงจะยกระดับการชุมนุมต่อต้านเพื่อกดดันรัฐบาล การยกระดับอาจจะเป็นไปในรูปของการปิดล้อมสถานที่ราชการ เพื่อขัดขวางการทำงานของรัฐบาล และถ้าหากเป็นเช่นนั้น รัฐบาลก็คงจะตอบโต้และสั่งใช้กำลังตำรวจปราบจลาจล

การปะทะกันระหว่างประชาชนจำนวนแสนกับตำรวจจำนวนหมื่นก็จะเกิดขึ้น และ ลุกลามออกไปทั่วประเทศ กลายเป็นสงครามกลางเมือง ผลก็คือการบาดเจ็บและเสียชีวิตของ ทั้งสองฝ่าย ดังที่ได้เคยเกิดแล้วในเดือนตุลาคม พ.ศ.2516 เดือนตุลาคม พ.ศ.2519 และใน เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2535

ผู้ที่จะยับยั้งมิให้สงครามกลางเมืองเกิดขึ้นได้ในครั้งนี้ คือรัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยเชื่อฟังและยอมอยู่ใต้การบัญชาของ (พ.ต.ท.) ทักษิณ และดันทุรังออกกฎหมายนิรโทษกรรม และปราบปรามประชาชนผู้ต่อต้าน สงครามกลางเมืองก็จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และไม่ว่าจะสูญเสียมากน้อยเพียงใด ประชาชน ก็จะเป็นฝ่ายชนะ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ และวงศาคณาญาติ กับสมุนในพรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายแพ้ในสงคราม และประสบเคราะห์กรรมร้ายแรงอย่างที่คาดไม่ถึง จะต้องพากันหนีหรือถูกเนรเทศออกจากประเทศไทย และกลายเป็นกลุ่มสัมภเวสีร่อนเร่อยู่ในต่างประเทศโดยไม่มีกำหนด เช่นเดียวกับ (พ.ต.ท.) ทักษิณ ชินวัตร


กำลังโหลดความคิดเห็น