เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - บรรดาคนรักสุนัขและนักรณรงค์ปกป้องสิทธิสัตว์ในเมืองจีนดิ้นรนทุกวิถีทาง เพื่อพยายามขัดขวางงานเทศกาลกินเนื้อสุนัข ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันที่ 21 มิ.ย. ในเมืองอี้ว์หลิน มณฑลกว่างซี
หลังจากประท้วงต่อต้านผ่านเว็บไซต์เว่ยโปก็แล้ว ยื่นจดหมายต่อนายกเทศมนตรีเมือง เพื่อขอให้ล้มเลิกการจัดงานก็แล้ว ทว่าไร้ผล !
ในที่สุดกลุ่มคนรักคุณตูบจึงตัดสินใจใช้วิธีการ อันนอกรีตนอกรอย ซึ่งทำให้ตำรวจและกองเซ็นเซ่อร์บนแดนมังกรหน้าบึ้งไปตาม ๆ กัน นั่นก็คือยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังทำเนียบขาวของท่านผู้นำสหรัฐฯ
คำร้องนี้พาดข้อความว่า “ ได้โปรดช่วยพวกเราหยุดยั้งงานเทศกาลกินเนื้อสุนัขเมืองยี้ว์หลินในมณฑลกว่างซีด้วย มันเป็นวิถีชีวิตที่กระหายเลือดและไม่คำนึงถึงสิ่งใด ๆ”
มีการเขียนคำร้องขึ้นเมื่อวันที่ 12 พ.ค. และปรากฏว่า จนถึงเมื่อวันพฤหัสฯ ( 23 พ.ค.) มีผู้ร่วมลงชื่อแล้วจำนวน 751 คน
ในคำร้องตอนหนึ่งยังได้เล่าถึงความทารุณโหดเหี้ยม เพื่อให้ได้มาซึ่งเนื้อเจ้าตูบเจ้าด่างมารับประทานด้วยความเชื่อที่ว่า ช่วยเพิ่มพลังทางเพศ เพราะมีการใช้กันอยู่ในตำรับการแพทย์แผนจีน
“เขาใช้มีดฆ่าสุนัข ทั้งที่มันยังเป็น ๆ” เนื้อหาในคำร้องระบุ
“จากนั้น จะนำไปเผา ซึ่งบางตัวยังมีความรู้สึก แล้วเอามากิน”
ผู้เขียนคำร้องนี้เรียกตัวเองว่า “Alalei” ในเว็บบอร์ดสัตว์เลี้ยง เธออ้างว่าการยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังทำเนียบขาวไม่มีจุดประสงค์ทางการเมือง เพียงแต่หวังว่า จะช่วยทำให้รัฐบาลจีนหยุดทำเป็นตาบอดหูหนวกกับประเพณีที่น่าสยดสยองนี้ก็เท่านั้นเอง
เทศกาลกินเนื้อสุนัขที่ยี้ว์หลินเป็นการฉลองในวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ไกลจากเส้นศูนย์สูตรของโลกที่สุด หรือวันครีษมายัน ซึ่งตรงกับวันที่ 21 มิ.ย.โดยจะมีการกินเนื้อสุนัขและดื่มไวน์ลิ้นจี่ ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า จะช่วยปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายและโรคภัยไข้เจ็บให้หมดไป
งานเทศกาลนี้ไม่มีแต่เฉพาะในเมืองยี้ว์หลินเท่านั้น แต่ยังจัดกันในอีกหลายเมืองในมณฑลเจ้อเจียง กว่างซี และกว่างตง โดยเฉพาะที่ต่งกวน ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมเฟื่องฟูนั้นเป็นที่รู้กันทั่วไปว่า เป็นเมืองที่มีผู้นิยมรับประทานเนื้อสุนัขกัน
นักรณรงค์ปกป้องสิทธิสัตว์คนหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองกว่างโจวเล่าให้เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ฟังว่า เขาเคยลอบสืบความลับเกี่ยวกับที่มาของเนื้อสุนัขในงานเทศกาลที่ยี้ว์หลินเมื่อปีก่อน เพราะแม้รัฐบาลจะอ้างว่าเป็นเนื้อสุนัข ที่ชาวนาในท้องถิ่นเลี้ยง แต่ก็มีข่าวลือหนาหูว่า บางตัวเป็นสุนัขจรจัด หรือถูกขโมยมาจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
แต่พอเขาไปที่ตลาดแห่งหนึ่งในเมือง ทำทีว่าเป็นคนซื้อเนื้อสุนัข คนขายก็เกิดระแวงสงสัยเขาขึ้นมาในทันที และไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ ทั้งสิ้น
เมื่อเขาไปยังที่ทำการของคณะผู้บริหารปกครองเมืองก็ได้รับคำตอบว่า ทางการมิได้เป็นผู้จัดงานนี้ แต่ก็มิได้สั่งให้ยกเลิกการจัด เนื่องจากต้องให้ความเคารพต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม จะได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายจากการรับประทานเนื้อสัตว์ ที่ไม่ถูกสุขอนามัยต่อไป
การยื่นเรื่องร้องเรียนส่งตรงถึงทำเนียบขาวนี้ยังกลายเป็นประเด็นโต้เถียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดในหมู่บล็อกเกอร์
“ทำไม่ต้องไปฟังว่าคนตะวันตกจะพูดอะไร” คนหนึ่งวิจารณ์
“คนพวกนั้นก็กินเนื้อไก่งวงอยู่ตลอด แต่ก็ไม่เห็นมีใครพูดอะไร”
แต่ก็มีอีกคนเถียงว่า
“การกินเนื้อสัตว์ ที่เป็นเพื่อนกับมนุษย์ มันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง”
“ แม้กระทั่งเมื่อเราฆ่าสัตว์ เราก็ควรแน่ใจแล้วว่า มันจะไม่เจ็บปวดทรมาน"
เติ้ง อีตาน โฆษกของมูลนิธิสัตว์แห่งเอเชีย (Animals Asia Foundation) ซึ่งตั้งอยู่ในฮ่องกง มีวัตถุประสงค์เพื่อยุติการกระทำทารุณต่อสัตว์ในเอเชียระบุว่า จากการสอบสวนของมูลนิธิพบว่า น้องหมาส่วนใหญ่ที่ถูกส่งขายให้ภัตตาคารนั้น ถูกขโมยมาจากบ้านคน หรือจับมาจากถนน
สุนัขเหล่านี้มักเป็นสัตว์ป่วย ฉะนั้น จึงเสี่ยงต่อผู้บริโภคอย่างมหันต์
ทางมูลนิธิได้เขียนจดหมายประท้วงการจัดงานเทศกาลกินเนื้อสุนัขไปยังทางการเมืองยี้ว์หลิน
“เราไม่ควรนำวัฒนธรรมและประเพณีมาเป็นข้ออ้างในการกระทำทารุณโหดเหี้ยม” เธอกล่าว
ทว่าจนถึงขณะนี้ทางสำนักงานนายกเทศมนตรีเมืองยี้ว์หลินยังมิได้ตอบคำถามของทางมูลนิธิกลับมา