เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์- เร็วๆ นี้ ศาลสูงประชาชนได้ออกแถลงการณ์ทบทวนคดีของผู้ร้องทุกข์ ถัง ฮุ่ยภายหลังที่เธอถูกตัดสินให้เข้า ‘สัมมนา’ ในค่ายแรงงานเป็นระยะเวลา 18 เดือน เมื่อสิงหาคมปีที่แล้ว เนื่องจากเธอเรียกร้องให้ศาลเพิ่มโทษคนร้ายที่ลักพาตัวลูกสาวไปค้าประเวณี ภายหลัง คดีนี้ถูกนำมาพิจารณาคำตัดสินใหม่เนื่องจากถูกกระแสสังคมกดดัน
เมื่อต.ค. 49 เล่อ เล่อ (乐乐) ลูกสาววัยเพียง 11 ปีของถัง ฮุ่ย (唐惠) ถูกหลอกให้ไปค้าประเวณีที่ ‘โคมแดง’ แห่งหนึ่งซึ่งใช้แรงงานเยี่ยงทาส ภายในเวลา 3 เดือนถูกบังคับให้บริการลูกค้า 100 กว่าครั้ง หลังจากตามหาลูกสาวจนเจอ ถัง ฮุ่ยได้เข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจเมืองหย่ง โจวตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 49 ทว่า สถานีตำรวจปฏิเสธรับทำคดี กระทั่งถัง ฮุ่ยดึงดันอย่างสุดกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงลงบันทึกคดีไว้เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 50
ต้นเดือนมิ.ย. 55 ศาลหูหนาน ตัดสินประหารชีวิตสองผู้ต้องหากระทำการลักพาตัว จำคุกตลอดชีวิต 4 ราย และจำคุก 15 ปี 1 ราย กระนั้น ด้วยหัวอกของผู้เป็นแม่ ถัง ฮุ่ย ได้พยายามเรียกร้องให้มีบทลงโทษที่รุนแรงกว่านี้ แต่เธอกลับถูกควบคุมตัวด้วยเหตุที่ว่า “ทำลายระเบียบอันดีของสังคม” และ “สร้างผลร้ายต่อสังคม” ยังเหตุให้วันที่ 2 ส.ค. 55 ค่ายแรงงานเมืองหย่งโจวลงโทษเธอด้วยการให้เข้ารับการ ‘สัมมนา’ ในค่ายแรงงานเป็นเวลาถึงปีครึ่ง
อย่างไรก็ดี กระแสต่อต้านของสังคมทำให้ทางรัฐต้องยกเลิกคำตัดสินดังกล่าวภายหลังการควบคุมตัวได้เพียง 9 วัน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 56 ถัง ฮุ่ย จึงฟ้องศาลให้ค่ายกักกันชดเชยค่าริดรอนอิสภาพของเธอเป็นเงินจำนวน 1,463．85 หยวน ค่าปลอบขวัญอีก 1,000 หยวน พร้อมหนังสือแสดงความขอโทษต่อเธออย่างเป็นทางการอีกหนึ่งฉบับ
“ฉันไม่ได้เรียกร้องค่าชดเชยแต่อย่างเดียว สิ่งที่ฉันต้องการ คือ ข้อพิสูจน์ว่าฉันเป็นผู้บริสุทธิ์” ถัง ฮุ่ยกล่าวกับเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ “พวกนั้นอ้างว่าฉันขัดขวางการจราจร ไม่เคารพเจ้าหน้าที่ และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งฉันไม่ได้ทำและฉันจะไม่ยอมทนรับโทษในสิ่งที่ไม่ได้กระทำ”
แม้ว่า เร็วๆ นี้ ศาลสูงประชาชนจะออกแถลงการณ์ทบทวนคดีดังกล่าว และใช้เป็นกรณีตัวอย่างการปฏิรูปค่ายแรงงานของปีนี้ ทว่า สู หลี่ผิงทนายของถัง ฮุ่ยเห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะชนะคดี "หากพิจารณาตามบริบทของกฎหมาย กรณีแบบนี้น่าจะชนะคดีได้ไม่ยาก แต่คดีนี้มีบริบททางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้ข้อเรียกร้องของเรา รวมถึงเรื่องค่าชดเชยนั้นคงเป็นเรื่องยาก"
เมื่อต.ค. 49 เล่อ เล่อ (乐乐) ลูกสาววัยเพียง 11 ปีของถัง ฮุ่ย (唐惠) ถูกหลอกให้ไปค้าประเวณีที่ ‘โคมแดง’ แห่งหนึ่งซึ่งใช้แรงงานเยี่ยงทาส ภายในเวลา 3 เดือนถูกบังคับให้บริการลูกค้า 100 กว่าครั้ง หลังจากตามหาลูกสาวจนเจอ ถัง ฮุ่ยได้เข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจเมืองหย่ง โจวตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 49 ทว่า สถานีตำรวจปฏิเสธรับทำคดี กระทั่งถัง ฮุ่ยดึงดันอย่างสุดกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงลงบันทึกคดีไว้เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 50
ต้นเดือนมิ.ย. 55 ศาลหูหนาน ตัดสินประหารชีวิตสองผู้ต้องหากระทำการลักพาตัว จำคุกตลอดชีวิต 4 ราย และจำคุก 15 ปี 1 ราย กระนั้น ด้วยหัวอกของผู้เป็นแม่ ถัง ฮุ่ย ได้พยายามเรียกร้องให้มีบทลงโทษที่รุนแรงกว่านี้ แต่เธอกลับถูกควบคุมตัวด้วยเหตุที่ว่า “ทำลายระเบียบอันดีของสังคม” และ “สร้างผลร้ายต่อสังคม” ยังเหตุให้วันที่ 2 ส.ค. 55 ค่ายแรงงานเมืองหย่งโจวลงโทษเธอด้วยการให้เข้ารับการ ‘สัมมนา’ ในค่ายแรงงานเป็นเวลาถึงปีครึ่ง
อย่างไรก็ดี กระแสต่อต้านของสังคมทำให้ทางรัฐต้องยกเลิกคำตัดสินดังกล่าวภายหลังการควบคุมตัวได้เพียง 9 วัน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 56 ถัง ฮุ่ย จึงฟ้องศาลให้ค่ายกักกันชดเชยค่าริดรอนอิสภาพของเธอเป็นเงินจำนวน 1,463．85 หยวน ค่าปลอบขวัญอีก 1,000 หยวน พร้อมหนังสือแสดงความขอโทษต่อเธออย่างเป็นทางการอีกหนึ่งฉบับ
“ฉันไม่ได้เรียกร้องค่าชดเชยแต่อย่างเดียว สิ่งที่ฉันต้องการ คือ ข้อพิสูจน์ว่าฉันเป็นผู้บริสุทธิ์” ถัง ฮุ่ยกล่าวกับเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ “พวกนั้นอ้างว่าฉันขัดขวางการจราจร ไม่เคารพเจ้าหน้าที่ และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งฉันไม่ได้ทำและฉันจะไม่ยอมทนรับโทษในสิ่งที่ไม่ได้กระทำ”
แม้ว่า เร็วๆ นี้ ศาลสูงประชาชนจะออกแถลงการณ์ทบทวนคดีดังกล่าว และใช้เป็นกรณีตัวอย่างการปฏิรูปค่ายแรงงานของปีนี้ ทว่า สู หลี่ผิงทนายของถัง ฮุ่ยเห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะชนะคดี "หากพิจารณาตามบริบทของกฎหมาย กรณีแบบนี้น่าจะชนะคดีได้ไม่ยาก แต่คดีนี้มีบริบททางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้ข้อเรียกร้องของเรา รวมถึงเรื่องค่าชดเชยนั้นคงเป็นเรื่องยาก"
