xs
xsm
sm
md
lg

ฉาวโฉ่อีกครั้งกับเหยื่อค่ายแรงงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพนางเฉิงชิ่งเซียะที่ถูกกักบริเวณอยู่ในห้องที่เคยเก็บศพและถูกทรมานจนเป็นอัมพาต
เอเยนซี-ภายหลังจากที่ฝ่ายโฆษณาการเขตไต้หลิ่ง (带岭区) เมืองยีชุน (伊春市) มณฑลเหยหลงเจียง (黑龙江省) ยอมเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสาธารณะเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2013 ที่ผ่านมา เรื่องราวของเฉิงชิ่งเซียะ (陈庆霞) ผู้ถูกรัฐบาลท้องถิ่นควบคุมตัวในสถานเก็บศพเป็นเวลา 3 ปี ภายหลังการลุกขึ้นมาร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง กรณีสามีถูกตัดสินลงโทษให้เข้ากระบวนการอบรมสัมมนาในค่ายแรงงาน (劳教所) ภายใต้ข้อกล่าวหาขับรถชนที่กั้นถนน จนเกิดอาการทางจิต
ภาพลูกชายที่หายตัวไปอย่างลึกลับ
นับแต่ปี 2003 สามีของนางเฉิงชิ่งเซียะถูกตำรวจส่งเข้าค่ายแรงงาน เป็นเวลา 2 เดือน ข้อหาขับรถชนที่กั้นถนน เนื่องจากมีอาการผิดปรกติทางหัวใจ ทว่า หลังจากถูกปล่อยตัว นอกจากจะพบรอยแผลทั่วร่างกายแล้ว ความสามารถในการรับรู้และสภาพจิตใจยังผิดปรกติไปจากเดิมด้วย เมื่อเข้ารับการตรวจจากแพทย์โรงพยาบาลที่ 2 ประจำมณฑลเหยหลงเจียงถึงพบว่า เขาเป็นโรคเครียดและมีบุคลิกภาพแตกแยก

สถานการณ์ดังกล่าว ยังเหตุให้นางเฉิงชิ่งเซียะผู้เป็นภรรยาตัดสินใจพาลูกชายเดินทางเข้าเมืองหลวงเป่ยจิง (北京市) เพื่อยื่นฟ้องผู้มีอำนาจระดับสูงในพรรคฯ สถานีตำรวจ และโรงพยาบาล ผู้รับเรื่องเสนอให้นางรับเงิน 2,000 หยวน เพื่อแลกกับการสงบปากสงบคำ แต่เพราะนางเฉิงไม่ยอม จึงทำให้ถูกคุมตัวกลับ พร้อมทั้งส่งเข้าค่ายแรงงานในเดือนก.ค. ปี 2007 เป็นเวลา 18 เดือน ทั้งนี้ มีข้าราชการของรัฐ 2 นายรับปากจะดูแลลูกชายเป็นอย่างดี

หลังครบกำหนดให้ปล่อยตัวจากค่ายแรงงาน นับแต่ปี 2010 นางเฉิงชิ่งเซียะกลับถูกกักบริเวณอยู่ในห้องซึ่งเคยเป็นสถานเก็บศพ ซึ่งมีทั้งโทรทัศน์วงจรปิดและเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ตัดขาดการรับรู้จากภายนอก ทั้งยังไร้ข่าวคราวจากลูกชาย เนื่องจากถูกทุบตีจากผู้คุม ปัจจุบันสภาพร่างกายของนางเฉิงชิ่งเซียะทรุดโทรมลงอย่างมาก ทั้งยังเป็นอัมพาตส่วนล่าง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จึงระบายความรู้สึกด้วยการเขียนลงกระดาษติดเต็มพื้นที่ส่วนกระจกของหน้าต่าง เช่น “มือถือถูกตัดสัญญาณ”, “พรรคผู้เป็นแม่ของประชา โปรดให้อิสระแก่ลูกด้วยเถิด” , “ฉันขอวิงวอนขอความเมตตาแล้ว”ฯลฯ

ต่อกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2013 ที่ผ่านมา ฝ่ายโฆษณาการเขตไต้หลิ่ง เมืองยีชุน มณฑลเหยหลงเจียง ได้อ้างต่อสาธารณะว่า ขณะที่ควบคุมตัวนางเฉิงชิ่งเซียะกับลูกชายขึ้นรถที่กรุงเป่ยจิงนั้น นางเฉิงเป็นผู้บังคับให้ลูกวิ่งหนีไปเอง ทางการพยายามตามหาแล้วแต่มันมืดมาก ส่วนตัวนางเฉิงนั้น ภายหลังครบกำหนดปล่อยตัวจากค่ายแรงงาน ญาติพี่น้องไม่ยินยอมรับนางเฉิงกลับบ้าน ด้วยความมี “มนุษยธรรม” (人道主义) รัฐบาลท้องถิ่นจึงต้องรับอุปการะนาง พร้อมจัดสถานที่ให้เป็นเสมือนรับเลี้ยงคนชรา และเพราะนางเฉิงป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จึงต้องส่งเจ้าหน้าที่ 4 คนนี้ มาคอยดูแลอำนวยความสะดวก

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) เป่ยจิง รายงานว่า ทางการจีนเตรียมดำเนินการจ่ายค่าชดเชยให้ครอบครัวเฉิน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าดำรงชีพ ของนางและสามี ตลอดจนตามหาลูกชายคนเล็กที่หายไประหว่างที่เธอถูกควบคุมตัว ซึ่งโดยปรกติแล้วทางการจีนมักเมินเฉยต่อคำวิจารณ์ด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีนี้จึงถือเป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามพิสูจน์ว่าสื่อภายในประเทศสามารถตรวจสอบผู้มีอำนาจได้ และกระบวนการยุติธรรมของจีนได้ดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำการควบคุมตัวผู้ร้องเรียนต่างๆ อย่างผิดกฎหมาย

อนึ่ง กระบวนการ “สัมมนา” ในค่ายแรงงาน ซึ่งเริ่มขึ้นในสมัยเหมาเจ๋อตง (毛泽东) เพื่อลงโทษ “ปิดปาก” บุคคลที่กระทำการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล รวมถึงผู้ร้องเรียนเรื่องราวต่างๆ ผู้รับโทษอาจถูกกักขังเป็นเวลานานถึง 4 ปี ภายใต้อำนาจของตำรวจโดยปราศจากการสอบสวนที่เปิดเผยตามหลักกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ส่วนสื่อของรัฐอ้างว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านกฎหมายพยายามจะยกเลิกกระบวนการ“สัมมนา”ในค่ายแรงงานให้ได้ภายในปีนี้
ภาพข้อความเรียกร้องขอความยุติธรรมที่ติดอยู่ที่หน้าต่างห้องเก็บศพ
ภาพข้อความเรียกร้องขอความเมตตาที่ติดอยู่ที่หน้าต่างห้องเก็บศพ
กำลังโหลดความคิดเห็น