เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - สภาประชาชนจีนได้เลือกนายหลี่ เค่อเฉียงขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีแดนมังกรอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ (16 มี.ค.) นับเป็นนายกผู้มีความสามารถภาษาอังกฤษ และจะมารับผิดชอบด้านเศรษฐกิจของมหาอำนาจลำดับสองของโลก ที่มีแนวโน้มปรับทิศทางการพัฒนาโดยหันมาเน้นขยายการบริโภคภายในประเทศแทนการส่งออก
สภาประชาชนตรายางของจีนก็ได้เลือกนายหลี่ เค่อเฉียงวัย 57 ปี ขึ้นแทนที่นายเวิน จยาเป่า ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามคาด
ผู้แทนจำนวนเกือบ 3,000 คน ได้รวมตัวกัน ณ มหาศาลาประชาคมจีน กรุงปักกิ่ง เพื่อลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายหลี่อย่างเป็นทางการ นับเป็นด่านสุดท้ายของการถ่ายทอดอำนาจผู้นำจากรุ่นสู่รุ่น
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีจำนวน 3 เสียงไม่ได้ออกเสียง และอีก 6 คะแนนที่สละสิทธิ์ นอกนั้นก็เทคะแนนยอมรับนายหลี่อย่างล้นหลาม
ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงขึ้นเป็นผู้นำของแดนมังกรอย่างเป็นทางการ นายหลี่ก็ได้กลายเป็นผู้นำของคณะมุขมนตรีจีน และมีหน้าที่ดูแลด้านการบริหารงานนโยบายของรัฐบาล ตลอดจนสอดส่องด้านเศรษฐกิจชาติ
อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมณีเป็นผู้นำจากต่างชาติคนแรกที่โทรศัพท์มาแสดงความยินดีกับหลี่ สื่อรัฐบาลจีนเผย พวกเขายังได้พูดคุยกันเรื่องวิกฤติหนี้สินในยุโรปด้วย ทว่าสื่อจีนก็ไม่ได้ระบุรายละเอียดการสนทนา
ในฐานะนายกรัฐมนตรี หลี่ต้องเผชิญปัญหาช่องว่างรายได้ระหว่างคนจน-รวยในประเทศ ปัญหาการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่พึ่งพาการลงทุนเป็นส่วนใหญ่ ตลอดจนปัญหาเรื่องราคาที่อยู่อาศัยที่ร้อนแรง
เฉิน จื้อหมิง นักวิจารณ์การเมืองอิสระในกรุงปักกิ่งเผยว่า "ผมเชื่อว่าผู้นำชุดใหม่ของจีนมีแนวโน้มผลักดันการปฏิรูปอย่างแรงกล้า โดยเฉพาะหลี่ ที่มีหัวด้านการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ ซึ่งเราได้เห็นจากสุนทรพจน์ของเขาหลังการประชุมสภาพรรคคอมมิวนิสต์เต็มคณะครั้งที่ 18"
หลี่ เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เป็นผู้มีความคิดสอดคล้องประชาธิปไตย ในสมัยก่อนช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม หลี่และผองเพื่อนเป็นแกนนำนักศึกษา หลี่เป็นผู้มีความคิดแบบนักคิดตะวันตก
หลี่สำเร็จการศึกษาด้านกฎหมาย และดุษฎีบัณฑิตด้านเศรษฐศาสตร์ เขาจะได้เข้ามาจัดการเศรษฐกิจของจีน ซึ่งปีที่ผ่านมาขยายตัวช้าสุดในรอบ 13 ปี อยู่ที่ 7.8 เปอร์เซ็นต์
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ในช่วงที่เวิน จยาเป่าดำรงตำแหน่งนั้น นับเป็นช่วงความสูญเสียทางเศรษฐกิจของจีนในรอบสิบปี การปฏิรูปเศรษฐกิจเป็นไปอย่างเชื่องช้า เศรษฐกิจชาติฝากไว้ที่หน่วยงานครึ่งรัฐ-ครึ่งเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจที่รัฐมีอำนาจจัดการเสียเป็นส่วนใหญ่
ทั้งสี และหลี่ จำเป็นจะต้องสร้างความเข้มแข็งให้แก่ตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็ว เพื่อลดความร้อนแรงของราคาบ้านที่พุ่งสูงขึ้นนับสิบเท่าโดยเฉพาะในเมืองสำคัญ ที่เป็นปัญหาตกทอดจากเมื่อทศวรรษที่ผ่านมา