เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ตั้งแต่สถาปนาพรรคคอมมิวนิสต์เป็นต้นมาดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง คนล่าสุด ผู้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อจากเวิน จยาเป่าฯ จะเป็นผู้ที่มีดีกรีการศึกษาโดดเด่นและสูงสุด โดยได้ปริญญามหาบัณฑิตทางด้านกฎหมายและเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่งอันเลื่องชื่อ
ในขณะที่เรียนมหาวิทยาลัย หลี่ได้ศึกษาระบบการพิพากษากฎหมายแบบอังกฤษและแบบประชาธิปไตยผสมผสาน ซึ่งสิ่งที่หลี่เรียนน่าจะพอสร้างความหวังให้กับการเมืองจีน หลังจากขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯ หลี่อาจเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างในระบบการเมืองแดนมังกร ที่พรรคคอมมิวนิสต์มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียวเสมอมา
ท่ามกลางบรรดาผู้นำอาวุโสของรัฐบาลกลางจีน กล่าวได้ว่า หลี่เป็นผู้นำเพียงคนเดียวที่ถือปริญญาดุษฎีบัณฑิตด้านเศรษฐศาสตร์และมหาบัณฑิตด้านกฎหมาย ทั้งสองปริญญาล้วนได้มากจากมหาวิทยาลัยที่ชื่อว่าดีสุดบนแผ่นดินใหญ่ สิ่งสำคัญคือ สิ่งที่หลี่ได้เรียนล้วนเป็นฐานคิดด้านเสรีนิยม ซึ่งต่างจากแนวทางการบริหารจัดการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนปัจจุบันราวฟ้ากับดิน
หลี่เป็นนักเรียนกลุ่มแรกที่สมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหลังจากผู้นำเติ้ง เสี่ยวผิงของจีนสั่งให้มีการทบทวนระบบการสอบเข้าระดับมหาวิทยาลัยใหม่ในปี 2520 หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายปฏิวัติวัฒนธรรมก่อนหน้ายุติลง หลี่ได้ศึกษากฎหมายกับศาสตราจารย์กง เซียงรุ่ย ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญแบบตะวันตก ที่สำเร็จการศึกษามาจากบริเตนในช่วงทศวรรษ 1930 ต่อมาหลี่ต่อปริญญาเอก ภายใต้ที่ปรึกษาหลี่ อิ้หนิง กูรูด้านปฏิรูปการตลาดของแผ่นดินใหญ่
เคนรี บราวน์ ผู้อำนวยการโครงการเอเชีย แห่งคาธัม เฮาส์ คลังคิดสำคัญในลอนดอนเผยว่า หลี่เป็นนักกฎหมายคนแรกที่ได้นั่งตำแหน่งคณะกรรมการประจำกรมการเมืองหรือโปลิตบูโร และได้เป็นนักกฎหมายคนแรกที่นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจีน
หลี่เป็นผู้นำน้อยคนของรัฐบาลจีนที่ภาษาอังกฤษคล่องเป็นไฟ ทำให้บรรดาผู้สังเกตการณ์ตะลึงงันเมื่อครั้งหลี่เดินทางเยือนฮ่องกง เขาได้กล่าวปาฐกถาในมหาวิทยาลัยฮ่องกงเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนภรรยาของเขานางเฉิง หง ก็เป็นศาสตราจารย์ภาษาศาสตร์และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณคดีอเมริกา เธอได้แปลวรรณกรรมร่วมสมัยอเมริกันเป็นภาษาจีนหลายต่อหลายเล่ม
บราวน์ ยกยอว่าหลี่มีความสัมพันธ์ดีกับสาธารณชน โดยเฉพาะการกล่าวถ้อยแถลงเมื่อครั้งเยือนฮ่องกง หลี่ไม่เคยครั่นคร้ามที่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษต่อหน้าสาธารณชน แม้ว่าจะมีผู้ประท้วงต่อต้านและมีนักข่าวจำนวนมากรุมวิพากษ์วิจารณ์สารพัด
บรรดาผู้นำจีนส่วนมากในอดีตช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา จบการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์และผันตัวเองมาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งพวกเขาได้รับการศึกษาอันมีอิทธิพลมาจากสหภาพโซเวียต ทว่า นายหลี่ วัย 57 คนนี้ เป็นคนร่วมสมัย น่าจะมีชุดความคิดในการแก้ปัญหาชาติที่เป็นแบบฉบับ ต่างไปจากผู้นำเหล่านั้น
ชีวิตบนเส้นทางการเมือง
หลี่เข้าร่วมสันนิบาตเยาวชนพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นฐานอำนาจของเลขาธิการใหญ่ หู จิ่นเทา ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งใหญ่โตนั้น หลี่กินตำแหน่งในมณฑลที่แร้นแค้น อันเป็นความท้าทายและพิสูจน์ตัวตนให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงอย่างมั่นคง
หลี่เริ่มเดินสู่เส้นทางการเมือง โดยรับหน้าที่เป็นเลขาธิการสันนิบาตเยาวชนแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง และกลายเป็นสมาชิกสำนักเลขาธิการแห่งคณะกรรมการกลางสันนิบาติพรรคฯ ในปี 2528 ซึ่งขณะนั้นมีหูเป็นผู้นำสำนักฯ ต่อมาหลี่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสำนักวิชาการการเมืองเยาวชนจีน ภายใต้สันนิบาตฯ ในปี 2536 และได้เป็นประธานสำนักเลขาธิการสันนิบาตฯ ในช่วงปี 2536 จนถึง 2541
ในปี 2542 หลี่ได้เป็นผู้ว่าการฯ ที่อายุน้อยที่สุดและเป็นด็อกเตอร์คนแรกของแผ่นดินใหญ่ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพ่อเมืองเหอหนาน ด้วยอายุเพียง 43 ปี ต่อมาก็ได้ควบตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯ แห่งเหอหนานในปี 2546 และย้ายมาเป็นเลขาพรรคฯ เหลียวหนิงในปี 2547
หลี่ได้รับเสียงสนับสนุนให้เข้าไปนั่งเก้าอี้ผู้นำในส่วนกลางช่วงปลายปี 2550 กลายเป็นสมาชิกคณะกรรมการประจำกรมการเมือง และนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีในเดือนมี.ค. 2551
อดีต นศ.หัวเสรี แห่งยุคปฏิวัติวัฒนธรรม
เมื่อครั้งหลี่เรียนมหาวิทยาลัยปักกิ่งในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่การแสดงความเห็นเสรีหรือประชาธิปไตยถูกกวาดล้างภายใต้แนวคิดเชิดชูประธานเหมา เจ๋อตงในการปฏิวัติวัฒนธรรมอย่างหนัก
หลี่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองในฐานะนักคิดหัวปฏิรูปตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา ในฝ่ายขบวนการเสรีของจีนที่มีความเห็นไม่ลงรอยกับรัฐบาล เขาได้แปลหนังสือต้องห้ามชื่อ The Due Process of Law ของ Lord Denning ผู้เลื่องชื่อชาวอังกฤษ
อดีตเพื่อนร่วมชั้นของหลี่ ขณะนี้เป็นนักเคลื่อนไหวที่มีชื่อ หวัง จินเทา ผู้ที่ถูกเนรเทศออกไปอยู่สหรัฐฯ นับแต่ปี 2537 หลังจากถูกจำคุก 13 ปี ในข้อหาสนับสนุนขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในเหตุการณ์จัตุรัสเทียนอันเหมิน 2532 เผยว่า หลี่เป็นผู้ที่โดดเด่นและฉลาดเฉียบแหลมในสมัยนั้น
พวกเขาทั้งสองเป็นนักศึกษาผู้นำการเคลื่อนไหว หวังเผยว่า เขาเคยประทับใจในสุนทรพจน์ของหลี่และได้สนับสนุนหลี่ให้เป็นประธานสภานักศึกษาด้วย
หวังเผยว่า เขาประหลาดใจเมื่ออดีตเพื่อนนักศึกษาเข้าไปอยู่ในระบบพรรคคอมมิวนิสต์ได้ตั้งนานหลายปี เพราะก่อนหน้านี้ หลี่ได้เคยแสดงออกว่าเขาไม่เคยชอบระบบการบริหารงานของรัฐบาลเลย