ฮอตพอตเซินเจิ้นใส่สารกันบูดบาน ผู้บริโภคระวังตับไตพัง

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ฮอตพ็อตร้อน ๆ รสชาติจัดจ้านถูกปากอาจจะเป็นที่นิยมในช่วงฤดูหนาว กินเข้าไปแล้วเลือดลมเดินดี นับว่าเป็นอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาอุณหภูมิของร่างกาย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจร้านฮอตพอตที่เซินเจิ้นพบว่า วัตถุดิบที่จะมาลงหม้อเดือดนั้น เต็มไปด้วยสารกันบูดที่มากเกินอัตรา จนต้องมีคำสั่งให้ปิดบริการ

คณะกรรมาธิการตรวจตราตลาดของจีนรายงานว่า พบปริมาณกรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิกที่มากเกินอัตราในตัวอย่างวัตถุดิบ 38 ชนิด จากการสุ่มตรวจจากภัตตาคารและร้านค้าต่าง ๆ ทั่วเซินเจิ้น ทั้งหมด 200 ชนิด

สำนักข่าวซินหวารายงาน (2 ม.ค.) ผลการตรวจพบสารกันบูดในลูกชิ้นเอ็น ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเนื้อวัว และลูกชิ้นเห็ด ซึ่งภัตตาคารได้ไปซื้อมาอีกต่อหนึ่งจากตลาดส่งในเซินเจิ้น

ปริมาณกรดเบนโซอิกที่มากเกินจะส่งผลเสียต่อตับและไต เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแผ่นดินใหญ่ไม่ยอมให้มีการใส่กรดดังกล่าวในอาหารสดได้แม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกชิ้นเนื้อทั้งหลาย

นอกจากนั้นยังได้ทำการตรวจน้ำแกง 27 ประเภท พบว่ามี 2 ประเภทใส่สารกันบูดเกินอัตรา โดยมีการใส่สีโรดามีน บี เข้าไป ซึ่งสารดังกล่าวมีฤทธิ์ก่อมะเร็งและเป็นสารต้องห้ามใส่ในผลิตภัณฑ์อาหารทั้งมวล

รายงานออกมาเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับปริมาณสารกันบูดที่ค้นพบในตัวอย่างอาหาร และไม่ได้บอกแหล่งที่มาของอาหาร ตลอดจนไม่รู้ว่าอาหารดังกล่าวมีการลำเลียงส่งไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของจีนด้วยหรือไม่ เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านตลาดในเซินเจิ้นไม่สามารถติดต่อได้ในช่วงวานนี้

ซินหวารายงานว่า นอกจากจะพบสารกันบููดเกินขนาดในวัตถุดิบฮอตพอตแล้ว ยังพบซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในกลุ่มเห็ด 5 ชนิด และเห็ดหูหนูขาว ซึ่งได้เก็บมาจากบริษัทผู้ผลิตในเขตเป่าอานด้วย

เห็ดชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงเห็ดหูหนูขาว ตลอดจนหอยเป่าฮื้อแห้ง แตงกวาทะเล อาหารดิบเหล่านี้หากจะซื้อ ต้องพิจารณากันถี่ยิบ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดตรุษจีนที่ใกล้เข้ามาถึงวันที่ 10 ก.พ.หน้านี้

โฆษกของศูนย์ความปลอดภัยทางอาหารในฮ่องกงเผยว่า ศูนย์ฯ ได้เร่งสอบถามข้อมูลไปยังสำนักงานที่เซินเจิ้นเกี่ยวกับรายงานเรื่องการเจือปนสารกันบูดฯ ดังกล่าวแล้ว

"กว่าสี่เดือนมานี้ ศูนย์ได้รับคำร้องเรื่องคุณภาพของลูกชิ้นจำนวน 4 กรณี" โฆษกกล่าว

อู๋ ลี่หมิน จากสภานิติบัญญัติแห่งเซินเจิ้นได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จัดการกับต้นตอของปัญหา โดยลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายฯ หากผู้ใดใส่สารพิษเหล่านี้ลงไปเพื่อการถนอมอาหารให้มีโทษแรงเท่ากับมาตรการจัดการคนเมาแล้วขับของเมือง