xs
xsm
sm
md
lg

แรงผลักปฏิรูปการเมืองภายใต้ผู้นำชุดใหม่แดนมังกร

เผยแพร่:   โดย: ชัยพร พยาครุฑ

ประชาชนเดินผ่านถนน มุมฉายภาพสี จิ้นผิงผู้นำพรรคคนใหม่ฯ ในกรุงปักกิ่ง 15 พ.ย. (ภาพอีเอพี)
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ไม่ว่าผู้ปกครองแดนมังกรชุดใหม่จะมีวิสัยทัศน์ด้านการปฏิรูปเศรษฐกิจการเมืองช้าเร็วเพียงใด ทว่าโลกในอีกสิบปีข้างหน้าย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง ปัญหาใหม่ที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ย่อมกดดันให้ชนชั้นนำจีนต้องเร่งตะบึงการปฏิรูปอย่างไม่อาจหลบเลี่ยง

ว่าที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และว่าที่นายกคนใหม่หลี่ เค่อเฉียง ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำระดับสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์ไปแล้วเมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งที่สองที่การส่งถ่ายอำนาจของผู้นำระดับสูงของพรรคฯ เป็นไปอย่างราบรื่น นับแต่สถาปนาพรรคคอมมิวนิสต์มาตั้งแต่ปี 2492

สี จิ้นผิง สมาชิกการเมืองกลุ่มลูกท่านหลานเธอ บิดาเป็นเจ้าหน้าที่พรรคฯแถวหน้ามาก่อน และหลี่ เค่อเฉียง เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายพรรคฯ สำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายฯ สองท่านนี้รับหน้าที่กุมชะตาแผ่นดินมังกรในอีกสิบปีข้างหน้า ซึ่งเชื่อว่าจีนจะมั่งคั่งกว่าเดิม มีนโยบายทางการทูตที่ไปไกลกว่าเก่า พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะทะยานไกลกว่าสมัยที่หู จิ่นเทาและเวิน จยาเป่า ทำหน้าที่บริหารเมื่อสิบปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ผู้นำชุดใหม่ต้องเผชิญปัญหาสารพัด ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ล้วนแล้วแต่เป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยฝีไม้ลายมือกันเต็มที่ มิฉะนั้นแล้วไซร้ รากฐานพรรคคอมมิวนิสต์อาจได้รับการสั่นคลอน

เดวิด แซมโบห์ ผู้อำนวยการโครงการนโยบายจีนแห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตันในสหรัฐฯ เผยว่า หากว่าผู้นำชุดใหม่ไร้วิสัยทัศน์ในการจัดการปัญหา ก็คงรอไม่ถึงการประชุมพรรคครั้งที่ 19 เป็นแน่ การมองเช่นนี้ไม่น่าอภิรมย์นัก ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนอีกหลายคนก็เห็นพ้องกันว่า ผู้นำจีนชุดใหม่จะเน้นเรื่องการปฏิรูปฯ เพื่อให้พรรคคอมมิวนิสต์ยังคงสถาปนาอำนาจอยู่เหนือแผ่นดินจีน ที่เปลี่ยนแปลงเร็วปานจรวดนี้ต่อไปได้

ความสำเร็จในการนำประเทศของพรรคฯ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนเติบโตแบบปรอท ช่วยลดความยากจนให้คนหลายล้าน ทว่าปัญหาที่ตามมาที่สีและหลี่ต้องรับช่วงแก้ไขต่อเป็นเรื่องที่สืบเนื่องจากการพัฒนาฯ นั่นคือ ความต้องการของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น และพร้อมที่จะเผชิญหน้าต่อต้านทุกสิ่ง

โดยทั่วไปแล้ว เหตุที่จะจุดประกายความโกรธเกรี้ยวของชาวจีนมีคณานับ อาทิ แม่น้ำทั่วแดนมังกรกว่าร้อยละสี่สิบกำลังเน่าเสียและพบการเจือปนสารพิษ ปัญหาการเมืองระดับล่างที่เจ้าหน้าที่พากันฉ้อราษฎร์บังหลวง ปัญหาแรงงานอพยพประมาณ 150 ล้านคนที่ไร้สิทธิรับสวัสดิการจากรัฐฯ ปัญหาทั้งปวงเหล่านี้ล้วนท้าทายพญามังกรที่กำลังผงาด การพัฒนายอดเติบโตทางรายได้กำลังพุ่ง การเพิ่มความมั่งคั่งทำให้หลายคนไม่ใส่ใจผลข้างเคียงที่ตามมา หลายคนมองว่าการพัฒนาดังกล่าวเป็นหนึ่งในวิธีการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์ในลักษณะพ่อปกครองลูก

"ชาวจีนได้รับการปฏิบัติเยี่ยงเด็ก เสียงของประชาชนได้รับการรับฟังเพียงเล็กน้อย คนที่รู้ดีที่สุดคือผู้นำ" ศาสตราจารย์โทนี เซค แห่งฮาร์วาร์ดเคเนดี้สกูลฯ กล่าว

จีนเจริญรุ่งเรืองกว่าเมื่อทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่หู และเวิน รับตำแหน่งผู้ปกครองฯ ทว่าการไล่ล่าความมั่งคั่งอย่างไม่หยุดหย่อนภายใต้นโยบายของผู้นำ ส่งผลให้ช่องว่างทางรายได้ของประชาชนคนจนและคนมียิ่งถ่างกว้าง ส่งผลให้เกิดกระแสไม่พอใจมหาศาล

องค์การสหประชาชาติเผยว่า ร้อยละ 13 ของประชากรจีนทั้งหมด 1,300 ล้านชีวิตยังคงมีรายได้ต่ำว่า 1.25 ดอลลาร์ต่อวัน ขณะที่นิตยสารหูรุ่นแห่งเซี่ยงไฮ้ ก็รายงานการจัดอันดับเศรษฐีแดนมังกรว่า ประเทศจีนมีเศรษฐีระดับหลักล้านดอลลาร์จำนวน 2.7 ล้านคน ขณะที่รวยพันล้านดอลลาร์มีจำนวน 251 คน
นายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรคคอมมิวนิสต์จีนคนใหม่ (ภาพซินหวา)
ชาวจีนทั่วไปรู้สึกระอาใจกับสมาชิกพรรคฯ ที่ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ประเด็นอ่อนไหวทางการเมืองจีนก่อนหน้านี้ทั้งหมดไม่สู้กรณีของนายปั๋ว ซีไหล ดาวรุ่งอดีตผู้นำพรรคฯ แห่งมหานครฉงชิ่ง ที่ต้องข้อหาคอร์รัปชั่นและใช้อำนาจในทางมิชอบ ตามมาด้วยกรณีของสำนักข่าวนิวยอร์กไทมส์รายงานทรัพย์สินของครอบครัวนายกรัฐมนตรีเวิน จยาเป่า

ในสุนทรพจน์ของสี จิ้นผิง เนื่องในโอกาสรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนใหม่ เผยว่า พรรคคอมมิวนิสต์จะจัดการกับปัญหาคอร์รัปชั่น และในสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาที่กำลังจะหมดอำนาจทางการเมืองก็กล่าวว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

ขณะนี้ทั้งในเมืองและชนบท ชาวบ้านจีนเริ่มไม่ว่านอนสอนง่ายดังแต่ก่อนแล้ว ผู้คนออกมาประท้วงเพิ่มขึ้นจำนวนขึ้นมาก ขณะที่จีนกำลังปรับตัวเข้ากับเศรษฐกิจโลกในหลายด้านในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าประเทศกำลังถูกปรับเปลี่ยนไปตามกระแสภิวัตน์ทางเทคโนโลยี ก้าวตามความทันสมัย

ความสามารถของชาวจีนเชื่อมต่อกับเทคโนโลยี คนจีนส่งข้อความ เขียนไมโครบล็อก ถ่ายภาพการเดินขบวนต่อต้านปัญหาคอร์รัปชั่นและสิ่งแวดล้อมแฉลงไปในโลกออนไลน์ สิ่งเหล่านี้กดดันต่อการตัดสินใจควบคุมเสรีภาพด้านข้อมูลข่าวสารภายในจีนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

การมุ่งพัฒนาของจีนกลายเป็นดาบสองคม ด้านหนึ่งได้สร้างความเจริญ และอีกด้านคือความไม่เท่าเทียม ชนชั้นกลางเพิ่มจำนวน การคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่กลายเป็นเรื่องปรกติ ทำให้หลายต่อหลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ

เมื่อจีนตั้งเป้าการพัฒนาโดยหันมาเน้นด้านการบริโภคภายในมากกว่าการลงทุนและส่งออก ทำให้จำเป็นต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ นั่นหมายถึงรัฐต้องผ่อนคลายกฎการควบคุมอุตสาหกรรมทั่วประเทศลง

"ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ หากผู้นำคนใหม่ของจีนไม่ปรับตัวอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ก็คง... " เดเนียล โรเซ็น นักเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการโรห์เดียมกรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาในนิวยอร์กกล่าว "จีดีพีจีนจะหดตัวลงภายในหกถึงเก้าเดือนจากนี้ และผลลัพธ์ก็คงไม่ต้องบอก ผู้นำคงหมดกะจิตจะใจเฉลิมอำนาจใหม่ แม้ในปีแรกที่รับตำแหน่งเป็นแน่"

พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้รับอำนาจการปกครองจากประชาชนมหาศาลภายใต้เงื่อนไขการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบพุ่งพรวด อย่างไรก็ดี ตัวเลขทางเศรษฐกิจก็ตกลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่เจ็ด อยู่ที่ 7.4 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ที่ผ่านมา และเชื่อว่าจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมาก

แม้ว่าในช่วงระยะสั้น ๆ เศรษฐกิจจีนทำท่าจะขยับตัวดีขึ้น แต่นักวิเคราะห์หลายคนก็ยังคงเชื่อว่า เศรษฐกิจจีนจะขยับตัวเข้าใกล้เลข 5 ในช่วงสิ้นทศวรรษนี้ หาใช่เลข 10 อย่างที่รัฐบาลจีนวาดหวังไว้

หลายคนทั้งในและนอกจีนต่างหวั่นวิตกว่า รัฐบาลจีนจะหันไปพึ่งพาลัทธิชาตินิยมและประชานิยม อย่างเช่นที่กำลังพบเห็นในไมโครบล็อกต่าง ๆ ของจีน กรณีปัญหาพิพาทดินแดนทางทะเลในทะเลจีนใต้ ทว่าหลายก็คนวาดฝันไว้ว่า ปัญหาจะกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดการปฏิรูปทางการเมือง จะทำให้รัฐบาลจีนเห็นว่า หากไม่ปฏิรูปจะส่งผลร้ายตามมา

วิธีการให้ชาวจีนมีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น จะช่วยปลดปล่อยความโกรธเกรี้ยวของประชาชนไปได้มาก ทว่า ผู้นำจีนชุดใหม่ก็ไม่ได้แสดงความชัดเจนแต่อย่างใด ว่าจะทำการปฏิรูปการเมือง แม้ว่าจะเห็นบทเรียนจากอาหรับสปริง การล่มสลายของสหภาพโซเวียตฯ ระเบิดเวลาขณะนี้ถูกจุดชนวนแล้ว รอวันระเบิดก็เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น