xs
xsm
sm
md
lg

เงินหยวนแข็ง รับเลือกตั้งสหรัฐฯ และประชุมสมัชชาใหญ่จีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กราฟเปรียบเทียบค่าเงินหยวน กับดอลลาร์สหรัฐ ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา (8 พ.ค. - 6 พ.ย.) (ภาพเซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์)
เอเยนซี - เงินหยวนแข็งค่า รับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเต็มคณะครั้งที่ 18(สมัชชาฯ 18) แต่นักวิเคราะห์ เชื่อว่ายังไม่แน่นอน

สื่อต่างประเทศรายงาน (7 พ.ย.) ว่า การซื้อขายสกุลเงินหยวนในตลาดเซี่ยงไฮ้ เมื่อวานนี้ อันเป็นช่วงเวลาก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเต็มคณะครั้งที่ 18 ค่าเงินหยวนได้แข็งค่า โดยในระหว่างวัน ได้ขึ้นไปแตะอยู่ที่ 6.2447 เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าค่าอ้างอิงของธนาคารกลาง 1 เปอร์เซนต์

ทั้งนี้ ธนาคารกลางกำหนดให้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวน มีค่าขึ้น-ลงในแต่ละวันได้ไม่เกิน 1 เปอร์เซนต์ จากอัตราที่กำหนด

ข้อมูลจากระบบการค้าและแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างประเทศของจีน ระบุว่า เมื่อวานนี้ (6 พ.ย.) อ้ตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนเมื่อสิ้นสุดวัน อยู่ที่ 6.2456 เทียบกับดอลลาร์ เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากวันจันทร์ ซึ่งอยู่ที่ 6.2454 โดยจาง จื่อเว่ย นักวิเคราะห์เศรษฐกิจจากธนาคารโนมูระ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินหยวนได้ขึ้นไปสูงและแข็งค่าเกินอัตรากำหนด และคิดว่ามีปัจจัยมาจากช่วงจังหวะของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเต็มคณะครั้งที่ 18 นั่นเอง

"ดูเหมือนว่าจีนจะตั้งใจปล่อยให้เงินหยวนแข็ง และก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา ค่าเงินหยวนได้แข็งค่าที่ 6.2371 เทียบกับดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับแต่รัฐบาลได้ปรับอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2536 เลยทีเดียว แม้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนในปีนี้จะขึ้นๆ ลงๆ แต่ก็เป็นค่าเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จีนยังมีทางเลือกอีกมากที่จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงิน โดยเฉพาะในเวลาที่ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจจีนกำลังจะฟื้นคืนนี้" จาง กล่าว

บรรดานักวิเคราะห์ เคยกล่าวว่า การประกาศ QE 3 ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แม้จะทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาที่ตลาดทุนในเอเชีย อาทิ ฮ่องกง แต่จะยังไม่มีผลต่อค่าเงินหยวนมากนัก แม้ว่าเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ค่าเงินฮ่องกงจะถูกโจมตี ทางการฮ่องกงต้องปกป้องระบบการเงินของตนเองเพื่อไม่ให้ปั่นป่วน จากเงินร้อนที่อัดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) เผยว่า ได้เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา ขายดอลลาร์ฮ่องกงจำนวน 2.3 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงิน

ขณะที่โจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เคยกล่าวเมื่อวันที่ 15 ต.ค. ว่า ค่าเงินหยวนของจีนใกล้ถึงจุดสมดุลแล้ว อันเป็นไปตามกลไกของตลาด ปราศจากการแทรกแซงของธนาคารกลาง โดยชี้ว่าอัตราแลกเปลี่ยน อัตราแลกเปลี่ยนทันที (spot rate) และอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต (Forward Rate) จะขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานในตลาดเป็นหลัก ซึ่งถือว่าเข้าใกล้จุดสมดุลแล้ว โดยในช่วงปีที่ผ่านมา จีนได้เดินหน้าปฏิรูปภาคการเงิน และธนาคารกลางไม่ได้เข้าแทรกแซงค่าเงินหยวนเลย อีกทั้งยังได้จัดตั้งตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

ทั้งนี้ สื่อต่างประเทศรายงาน (16 ต.ค.) ว่าที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้โจมตีจีนว่าแทรกแซงค่าเงินหยวนให้อ่อนค่ากว่าความเป็นจริงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้มีความได้เปรียบดุลการค้าอย่างมาก นอกจากนี้ นายมิตต์ รอมนีย์ ผู้สมัครชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวจากพรรครีพับลิกันฯ ยังได้ใช้เป็นประเด็นโจมตีประธานาธิบดี บารัค โอบามา ว่าตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ได้แต่ลังเลไม่ยอมประกาศว่าจีนเป็นประเทศ “ปั่นค่าเงิน”

ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล คอร์ป (China International Capital Corp, CICC) โบรคเกอร์ในกรุงปักกิ่ง เคยวิเคราะห์ไว้เช่นกันว่า ค่าเงินหยวนของจีนใกล้ถึงจุดสมดุลแล้ว และทำนายว่า จนถึงปลายปีนี้ ค่าเงินหยวนจะอยู่ที่ 6.27 เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และจะยังคงเดิมในปีถัดไป เช่นเดียวกับ จาง จื่อเว่ย นักวิเคราะห์เศรษฐกิจจากธนาคารโนมูระ ประเทศญี่ปุ่น เห็นว่า ค่าเงินหยวนยังจะเผชิญกับแรงกดดันในระยะกลางและระยะยาว ขณะที่เขาคาดว่า ประเทศจีน อาจเผชิญปัญหาขาดดุล ในปี 2557 เนื่องจากการส่งออกถดถอย ดังนั้น ค่าเงินหยวนในปีหน้าก็จะยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก
กำลังโหลดความคิดเห็น