เอเอฟพี - จีนและญี่ปุ่นเริ่มการซื้อขายด้วยสกุลเงินหยวน-เยนโดยตรงวันนี้ (1) เป็นวันแรก ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของปักกิ่งในการที่จะยกระดับหยวนเป็นสกุลเงินหลักของโลก ขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
เทรดเดอร์เริ่มซื้อขายด้วยสกุลเงินเยนและหยวนโดยปราศจากดอลลาร์สหรัฐเป็นสื่อกลาง โดยเปิดตลาดโตเกียวเช้านี้ (1) อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 12.335 เยนต่อ 1 หยวน
จีนจะกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนแต่ละวันตามราคาอ้างอิงของดีลเลอร์ โดยอัตราแลกเปลี่ยนอาจสูงหรือต่ำกว่าอัตราดังกล่าวไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ามีช่วงห่างการซื้อขาย (trading band) มากกว่าอัตราแลกเปลี่ยนหยวน-ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกำหนดกรอบไว้ไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม กฎเกณฑ์ดังกล่าวจะใช้กับการซื้อขายในตลาดเซี่ยงไฮ้เพียงแห่งเดียว ส่วนที่ตลาดโตเกียวจะใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว (free exchange)
อัตราแลกเปลี่ยนทั้ง 2 ตลาดอาจแตกต่างกันเล็กน้อยในระยะเริ่มต้น แต่ราคาจะค่อยๆ ปรับจนเป็นมาตรฐานเดียวกันอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์เผย
อากิระ โฮชิโนะ หัวหน้าฝ่ายการค้าเงินตราต่างประเทศจากธนาคาร โตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟซี ระบุว่า โอกาสที่นักค้าเงินจะหวังทำกำไรจากส่วนต่างของทั้ง 2 ตลาดนั้น เป็นไปไม่ได้เลย
“สมมติค่ากลางของอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 80 เยนต่อ 1 ดอลลาร์ แต่ราคาอ้างอิงในเซี่ยงไฮ้และโตเกียวอยู่ที่ 83 และ 86 เยน ตามลำดับ ไม่มีใครคิดจะเทขายดอลลาร์ในอัตรา 83 เยน ต่อ 1 ดอลลาร์แน่นอน แม้จะมีผู้ต้องการซื้อก็ตาม...การค้าลักษณะนั้นจะไม่เกิดขึ้น”
จุน อาซูมิ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ระบุว่า เมื่อปราศจากดอลลาร์เป็นสื่อกลาง “เราจะลดต้นทุนธุรกรรม (transaction cost) และความเสี่ยงระหว่างการชำระดุลธุรกรรม (settlement risk) ของสถาบันการเงินต่างๆ ลงได้ และได้ใช้ประโยชน์จากสกุลเงินท้องถิ่นมากขึ้นด้วย”
นโยบายแทรกแซงค่าเงินอย่างเข้มงวดของจีนส่งผลให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับปักกิ่งเป็นจำนวนมหาศาล วอชิงตันกล่าวหาว่า จีนตรึงค่าเงินหยวนให้อ่อนกว่าความเป็นจริงเพื่อกระตุ้นการส่งออก ซึ่งประเด็นดังกล่าวก็เป็นปมขัดแย้งระหว่าง 2 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกมานาน
จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยร้อยละ 60 ของการซื้อขายระหว่าง 2 ประเทศกระทำผ่านสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า การซื้อขายเยน-หยวนโดยตรงจะช่วยลดต้นทุนธุรกรรมที่เกิดจากการใช้ดอลลาร์เป็นสื่อกลางได้ถึงปีละ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
