xs
xsm
sm
md
lg

เงินหยวนใกล้สมดุล ส่งออกจีนฯ ดีขึ้น เพราะต่างชาติผ่อนปรนนโยบายการเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กราฟตัวเลขล่าสุดของสำนักงานศุลกากรจีน  ภาคส่งออกเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาจีน มีมูลค่า 1.863 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 9.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงกว่าเดือนส.ค. ร้อยละ 2.7 (ภาพเซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์)
เอเยนซี - ผู้ว่าฯ ธนาคารจีน เผยค่าเงินหยวนเข้าใกล้จุดสมดุล ด้านนักวิเคราะห์พบว่าการผ่อนปรนนโยบายทางการเงินของชาติต่างๆ เทศกาลวันชาติจีน และเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงในอีก 2 เดือน ล้วนมีส่วนช่วยให้ตัวเลขภาคส่งออกฯ ในไตรมาสสุดท้ายดีขึ้นด้วย

สื่อจีนรายงาน (15 ต.ค.) การเปิดเผยเมื่อวันที่ 15 ต.ค. ของ โจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ว่า เวลานี้ค่าเงินหยวนของจีนใกล้ถึงจุดสมดุลแล้ว อันเป็นไปตามกลไกของตลาด ปราศจากการแทรกแซงของธนาคารกลาง

โจว เสี่ยวฉวน กล่าวว่าเวลานี้อัตราแลกเปลี่ยน อัตราแลกเปลี่ยนทันที (spot rate) และอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต (Forward Rate) จะขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานในตลาดเป็นหลัก ซึ่งถือว่าเข้าใกล้จุดสมดุลแล้ว โดยในช่วงปีที่ผ่านมา จีนได้เดินหน้าปฏิรูปภาคการเงิน และธนาคารกลางไม่ได้เข้าแทรกแซงค่าเงินหยวนเลย ขณะเดียวกันยังได้จัดตั้งตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

ทั้งนี้ สื่อต่างประเทศรายงาน (16 ต.ค.) ว่าที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้โจมตีจีนว่าแทรกแซงค่าเงินหยวนให้อ่อนค่ากว่าความเป็นจริงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้มีความได้เปรียบดุลการค้าอย่างมาก นอกจากนี้ นายมิตต์ รอมนีย์ ผู้สมัครชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวจากพรรครีพับลิกันฯ ยังได้ใช้เป็นประเด็นโจมตีประธานาธิบดี บารัค โอบามา ว่าตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ได้แต่ลังเลไม่ยอมประกาศว่าจีนเป็นประเทศ “ปั่นค่าเงิน”

รอมนีย์ กล่าวว่า บริษัทสหรัฐฯ เสียเปรียบจีนมาโดยตลอด เพราะจีนจงใจตรึงค่าเงินให้อ่อนกว่าความเป็นจริง เพื่อให้ผู้ผลิตของตนสามารถขายสินค้าราคาถูกกว่าคู่แข่งในประเทศอื่น

ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ได้กล่าวแสดงความกังวลต่อปัญหาเงินเฟ้อ ภายหลังจากที่ ชาติเศรษฐกิจหลักต่างทยอยผ่อนปรนนโยบายทางการเงินของตน เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศระยะสั้น อาทิ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) โดยกล่าวว่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ควรต้องระวังเกี่ยวกับความเสี่ยงปัญหาเงินเฟ้อในระยะยาว

ด้านรายงานของนักวิเคราะห์ กลับพบว่า ผลจากความเชื่อมั่นที่เริ่มฟื้นตัวภายหลังเฟดและอีซีบีผ่อนนโยบายการเงินลงเมื่อเดือนก่อน มีผลทำให้ภาคส่งออกและนำเข้าของจีนกลับมาขยายตัวอีกครั้ง โดยตัวเลขล่าสุดของสำนักงานศุลกากรจีน เผย (15 ต.ค.) ว่าภาคส่งออกเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาจีน มีมูลค่า 1.863 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 9.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงกว่าเดือนส.ค. ร้อยละ 2.7 และขณะที่การนำเข้าก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้ ตัวเลขล่าสุดนี้ ยังสูงกว่าความคาดการณ์ของบลูมเบิร์ก ที่ทำนายว่าภาคส่งออกฯ จะโตที่ร้อยละ 5.5 ขณะที่เอชเอสบีซีทำนายไว้ที่ร้อยละ 4.5 เท่านั้น

ซุน จุ้นเว่ย นักวิเคราะห์จากเอชเอสบีซี (HSBC) ได้เผยว่า เทศกาลวันชาติจีน ช่วง 30 ก.ย. - 7 ต.ค. และเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงในอีก 2 เดือน น่าจะช่วยให้ตัวเลขภาคส่งออกฯ ในไตรมาสสุดท้ายดีขึ้นด้วย แต่ก็ได้เตือนว่ายังมีอุปสรรคในภาคส่งออกจีนไปยังกลุ่มประเทศยุโรป และสหรัฐฯ อันเนื่องมาจากการปกป้องธุรกิจภายในประเทศ การตั้งกำแพงภาษีนำเข้า และการตัดงบประมาณต่างๆ

ถิง ลู่ และมาร์เซลลาร์ เชา นักเศรษฐศาสตร์จากเมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า ข้อมูลตัวเลขการค้าที่ดีขึ้นจะช่วยคลายความกังวลว่าเศรษฐกิจปีนี้คงไม่ทรุดหนัก และแม้จะยังไม่อาจไว้วางใจได้ แต่ก็ยังพอจะเห็นการเติบโตของภาคส่งออกในช่วงเวลาถัดไปจากนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น