xs
xsm
sm
md
lg

มะกันไม่ตราหน้าจีนนักบิดเบือนค่าเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - กระทรวงการคลังมะกันตัดสินใจไม่ใช้อำนาจตามกฎหมายของสหรัฐฯ ตราหน้าจีนเป็นนักบิดเบือนค่าเงิน (currency manipulator)  แม้ว่าเงินหยวนยังคงอ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญ และจำเป็นต้องแข็งค่าขึ้นต่อไปก็ตาม

ในแถลงการณ์ ซึ่งประกอบอยู่ในรายงานเกี่ยวกับสกุลเงินประจำครึ่งปีของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรสเมื่อวันอังคาร (27พ.ย.) ทางกระทรวงได้หลีกเลี่ยงการเรียกจีนว่า เป็นนักบิดเบือนค่าเงิน โดยอ้างเหตุผลว่า เนื่องจากรัฐบาลจีนได้ลดการเข้าแทรกแซงในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราลงอย่างมากมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว โดยเงินหยวนแข็งค่าขึ้นร้อยละ 9.3 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งในแง่ nominal terms และแข็งค่าร้อยละ 12.6 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในแง่ real terms นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2553 นอกจากนั้น รัฐบาลจีนยังได้ดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังสหรัฐฯระบุว่า จะเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อย่างก้าวการแข็งค่าของเงินหยวน และจะกดดันให้จีนมีการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย ที่จะทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนยืดหยุ่นยิ่งขึ้น

นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของจีนถูกฝ่ายสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักมาโดยตลอด ซึ่งรวมทั้งนายมิตต์ รอมนีย์ อดีตผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ที่ระบุว่า จีนได้กดค่าเงินหยวนอย่างมีการไตร่ตรอง ส่งผลให้ราคาสินค้าจากแดนมังกรมีราคาถูกกว่าในตลาดต่างประเทศ และส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในสหรัฐฯ

ภายหลังแถลงการณ์ดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ 2 ชุดก่อน ซึ่งใช้การทูตมากกว่าการเผชิญหน้าในการแก้ปัญหาค่าเงินหยวนนั้น กำลังส่งผลในทางที่ดี อย่างไรก็ตาม เงินหยวนยังต้องแข็งค่ามากขึ้นกว่านี้ โดยนายชาร์ลส์ ชูเม่อร์ วุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์กจากพรรคเดโมแครตเรียกร้องให้รัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า กดดันให้จีนเล่นกติกาเดียวกับชาติอื่นๆ ในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน

ด้านนายโจว เสี่ยวชวน ผู้ว่าการธนาคารกลางของจีนกล่าวเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า ขั้นตอนต่อไปในการยกเครื่องระบบอัตราแลกเปลี่ยนของจีนได้แก่การทำให้เงินหยวนเป็นเงิน ที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนได้อย่างเต็มที่ โดยสัญญาณต่าง ๆ ที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียกำลังเริ่มฟื้นตัว หลังจากชะลอตัวมา 7 ไตรมาสยังกำลังช่วยสนับสนุนเงินหยวนอีกด้วย

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนเป็นมูลค่า 295.4 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 8 จากในปี 2553 การแข็งค่าของเงินหยวนจะทำให้สินค้านำเข้าจากจีนมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้บริโภคในสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯ ลดการนำเข้าสินค้าจากแดนมังกรในที่สุด

เงินหยวนแข็งค่าสูงสุดในรอบ 19 ปี โดยขยับขึ้นร้อยละ 0.05 เป็น 6.2223 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดเซี่ยงไฮ้เมื่อวันอังคาร (27 พ.ย.) หลังจากเจ้าหน้าที่ยุโรปบรรลุข้อตกลงให้เงินกู้งวดใหม่แก่กรีซ และปรากฏสัญญาณว่า ภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัวกำลังใกล้จะสิ้นสุดลง

นายเท็ด ทรูแมน อดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ตราหน้าจีนว่าเป็นนักบิดเบือนค่าเงินมิใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด เนื่องจากเงินหยวนได้มีการแข็งค่าขึ้นนั่นเอง

“แต่เรายังคงกำลังดำเนินชีวิตอยู่ภายในเศรษฐกิจ การเงิน และการเมือง อันเกิดขึ้นจากผลกระทบของเงินหยวน ที่อ่อนค่าอย่างมากมานานถึง 1 ทศวรรษอยู่” นายทรูแมน ซึ่งปัจจุบันเป็นสมาชิกอาวุโสของสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ในวอชิงตันกล่าว

ด้านนายจอห์น ฟริสบี้ ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีน ระบุว่า การตัดสินใจของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะเงินหยวนแข็งค่าขึ้นกว่าร้อยละ 30 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเขาเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเป็นเรื่องที่ส่งผลน้อยต่อดุลการค้าของสหรัฐฯ หรือการจ้างงาน แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ควรหันมาเคลื่อนไหวในประเด็น ที่สำคัญกว่า เช่นการยกเลิกกำแพงกีดกันการเข้าสู่ตลาดจีน และปรับปรุงการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาจึงจะเหมาะสมกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น